เมื่อเห็นโทษของการเกิดก็จะเกิดความเบื่อ ถ้าสามารถประคับประคองรักษาความเบื่อไปได้ระยะหนึ่ง เมื่อปัญญาเกิดก็จะเห็นว่า ธรรมดาของการเกิดมาเป็นเช่นนี้ จะต้องพบแต่สิ่งที่น่าเบื่อหน่าย สิ่งที่เป็นทุกข์เช่นนี้ สภาพจิตก็จะตัดละว่า ขึ้นชื่อว่าการเกิดจะไม่มีสำหรับเราอีกแล้ว ตายเมื่อไรเราปรารถนาที่เดียวคือพระนิพพาน
ก็จะเอาจิตสุดท้ายเกาะพระนิพพาน หรือเกาะภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยที่กำหนดว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่ใดนอกจากบนพระนิพพาน เราเห็นพระองค์ท่านคือเราอยู่กับพระองค์ท่าน เราอยู่กับพระองค์ท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน จิตสุดท้ายของเราจะอาศัยตรงนี้เป็นหลัก
ถ้าหากว่ายังมีลมหายใจเข้าออกเราก็ดูลมหายใจ ถ้ายังมีคำภาวนาก็ใช้คำภาวนาควบคู่ไปด้วย ถ้าไม่มีลมหายใจ ไม่มีคำภาวนา ก็กำหนดใจจดจ่อแนวนิ่งอยู่ที่ภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยเฉพาะภาพพระนิพพาน
ในแต่ละวันพยายามรักษากำลังใจอยู่ตรงจุดนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เมื่อถึงเวลากำลังกิเลสที่กินเราก็จะลดน้อยถอยลงไปด้วย ด้วยอำนาจของ ศีล สมาธิ ปัญญา แล้วท้ายสุดเมื่อปัญญาของเรามีมาก กำลังสมาธิมีสูง เราก็สามารถสลัดหลุดพ้นจากการร้อยรัดของกิเลสทั้งหลาย เข้าสู่พระนิพพานได้ตามต้องการ
ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2019 เมื่อ 13:10
|