ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 27-05-2010, 11:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องจากสมัยนั้นวัดหนองโพธิ์คึกคักมาก มีญาติโยมไปมาหาสู่วันหนึ่งเป็นพัน ๆ คน เพื่อที่จะไปกราบขอบารมีหลวงปู่เดิม ในการที่จะอนุเคราะห์สงเคราะห์ในด้านต่าง ๆ หลวงปู่สายซึ่งค่อนข้างจะรักสงบ จึงแสวงหาที่อยู่ใหม่

เมื่อหลวงปู่สายเห็นว่าครูบาอาจารย์สิ้นลงแล้ว ได้จัดงานศพถวายเรียบร้อยแล้ว จึงได้แบกกลดสะพายบาตร หิ้วกาน้ำ ออกธุดงค์ไปเรื่อย การธุดงค์สมัยนั้นถ้าหากว่าด้านเหนือก็จะขึ้นไปทางบึงบอระเพ็ด ทะลุออกป่าแม่วงก์ กำแพงเพชร ลัดขึ้นไปทางด้านเชียงใหม่ เข้าประเทศพม่าก็มี

ถ้าหากทางด้านใต้ก็จะเดินธุดงค์ลงมากาญจนบุรี และหลายต่อหลายท่านก็ได้เดินยาวออกไปประเทศพม่า เพื่อไปจาริกแสวงบุญ เพื่อไปกราบไหว้สถานที่ต่าง ๆ ที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ส่วนทางด้านตะวันออกนั้นมักจะเดินทะลุออกไปด้านเขมร

เมื่อหลวงปู่สายเดินธุดงค์มาทางด้านกาญจนบุรี มาถึงบ้านท่าขนุน ในสมัยนั้นยังไม่ใช่อำเภอทองผาภูมิ แต่ว่าเป็นอำเภอวังกะ เป็นเมืองท่าขนุนและเมืองสังขละบุรี ขึ้นกับอำเภอวังกะ จังหวัดกาญจนบุรี หลวงปู่สายพบสถานที่แห่งนี้ ก็คือ วัดร้างท่าขนุน เห็นว่าเป็นวัดที่น่าสนใจมาก สงบเงียบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม จึงได้อธิษฐานปักกลดปฏิบัติธรรมอยู่ ณ วัดร้างท่าขนุนแห่งนี้

แม้ว่าวัดท่าขนุนในยุคนั้นจะได้รับการเสริมสร้างขึ้นมาช่วงหนึ่ง ด้วยคณะญาติโยมที่ศรัทธาในองค์หลวงปู่พุก อุตฺตมปาโล เจ้าอาวาสรูปที่ ๑ แต่พอสิ้นหลวงปู่พุกแล้ว วัดวาอารามทรุดโทรมลง ก็มีหลวงพ่อไตแนม ชาวกะเหรี่ยง มาอาศัยเป็นเนื้อนาบุญให้แก่ญาติโยม แต่ว่าท่านไม่ได้สร้างถาวรวัตถุขึ้นมา จึงยังคงจะเป็นวัดที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมเช่นเดิม

เมื่อหลวงปู่สายมาอยู่ วัตรปฏิบัติอันเข้มข้นเอาจริงเอาจังของท่านเป็นที่เลื่อมใสของชาวบ้านท่าขนุนและชาวบ้านใกล้เคียงมาก จึงได้พร้อมใจกันช่วยสร้างเสนาสนะขึ้นมา มีกุฏิ มีศาลา เป็นต้น จนกระทั่งวัดท่าขนุนเป็นรูปเป็นร่าง ได้รับการยกขึ้นเป็นวัด พอดีมีการเปลี่ยนชื่ออำเภอ จากอำเภอวังกะมาเป็นอำเภอทองผาภูมิ จึงกลายเป็นวัดท่าขนุน สังกัดอำเภอทองผาภูมิ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-05-2010 เมื่อ 11:31
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา