ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 30-06-2019, 08:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,915 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ทั้งในส่วนของเจโตวิมุตติและปัญญาวิมุตตินั้น เมื่อปฏิบัติไปจนเข้าถึงมรรคถึงผลแล้ว ท่านยังแบ่งออกอีกเป็น ๔ ประเภทด้วยกันก็คือ ประเภทที่หนึ่ง สุกขวิปัสสโก เป็นผู้ปฏิบัติแบบเรียบ ๆ ง่าย ๆ ถึงเวลาก็บรรลุมรรคบรรลุผลเลย โดยไม่มีคุณวิเศษอื่นเพิ่มเติม

ประเภทที่สองเรียกว่า เตวิชโช เรียกภาษาไทยง่าย ๆ ว่า วิชชา ๓ คือมีความรู้พิเศษเพิ่มขึ้นมา ๓ อย่าง ได้แก่
๑. ปุพเพนิวาสนุสติญาณ ระลึกชาติได้
๒. จุตูปปาตญาณ รู้ว่าคนและสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วไปไหน
๓. อาสวักขยญาณ สามารถทำกิเลสให้สิ้นไปได้

ประเภทที่สามเรียกว่า ฉฬภิญโญ เรียกง่าย ๆ อีกอย่างว่า อภิญญา ๖ ประกอบไปด้วยกำลังใจของเราที่ปฏิบัติแล้วเกิดความสามารถพิเศษขึ้นมา ๖ อย่าง ก็คือ
๑. ทิพโสต มีหูทิพย์
๒. ทิพจักขุ มีตาทิพย์
๓. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
๔. จุตูปปาตญาณ รู้ว่าคนก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน หรือว่าสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน
๕. ยถากัมมุตาญาณ รู้ว่าการกระทำดีชั่วแต่ละอย่างนั้น จะส่งผลอย่างไร
๖. อาสวักขยญาณ สามารถทำกิเลสให้สิ้นไปได้

เราจะเห็นว่า ในส่วนของอภิญญา ๖ นั้น ครอบงำวิชชา ๓ อยู่ภายใน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2019 เมื่อ 12:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา