เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๑
ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ สำหรับวันนี้เรื่องที่อยากบอกกับพวกเราก็คือ ในการปฏิบัติธรรมนั้น นอกจากเราจะต้องสำรวมอินทรีย์ มีความระมัดระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของเรา เพื่อไม่ให้สิ่งที่เราทำได้รั่วไหลไปจนหมดสิ้นแล้ว เรายังต้องชำระจิตของตนให้ผ่องใสจากกิเลส
ซึ่งจะว่าไปแล้วหน้าที่ของเรานั้นก็มีอยู่เพียงว่า พิจารณาดูว่าสภาพจิตของเราตอนนี้มีความชั่วเกิดขึ้นหรือไม่ ? ถ้าหากว่ามีก็ขับไล่ออกไป แล้วระมัดระวังไว้อย่าให้ความชั่วนั้นเข้ามาอีก สภาพจิตของเราตอนนี้มีความดีอยู่หรือไม่ ? ถ้ายังไม่มีก็สร้างให้มีขึ้นมา ถ้ามีอยู่แล้วก็ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
คราวนี้เรามาพิจารณากำลังใจของเราว่ามีความชั่วเกิดขึ้นหรือไม่ ? เราจะอาศัยอะไรเป็นตัววัด ก็ให้ดูจากนิวรณ์ทั้ง ๕ เป็นตัววัด นิวรณ์ ๕ ประกอบไปด้วย กามฉันทะ ความพอใจในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ ทำให้เราคิดถึง ทำให้เราพูดถึง ทำให้เรากระทำแต่เรื่องทั้งหลายเหล่านั้น
พยาบาท คือ ความโกรธเกลียดอาฆาตแค้นคนอื่น เป็นการผูกโกรธ เหมือนเอาไฟมาเผาใจของตนเอง ถีนมิทธะ เกิดความง่วงเหงาหาวนอน ขี้เกียจปฏิบัติ อุทธัจจะกุกกุจจะ คือความฟุ้งซ่าน หงุดหงิด รำคาญใจที่มานั่งปฏิบัติธรรม วิจิกิจฉา คือความลังเลสงสัยว่า การปฏิบัตินี้จะมีผลดีจริงหรือไม่ ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2018 เมื่อ 13:26
|