ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ วิธีที่ง่ายที่สุดก็คืออยู่กับปัจจุบัน ก็คืออยู่กับลมหายใจเข้าออกตรงหน้าของเรา หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา พยายามตามดู ตามรู้ จนกระทั่งกำลังใจละเอียด ถึงระดับภาวนาเองโดยอัตโนมัติ แล้วเราก็เอาสติประคับประคองไว้ ถ้าอย่างนั้นกำลังใจของเราก็จะผ่องใส ไม่รับแรงกระทบจากภายนอก เพราะว่า รัก โลก โกรธ หลง ไม่สามารถที่จะกินใจของเราได้
ดังนั้น...ในช่วงสามวันที่ผ่านมา สิ่งที่มองเห็นก็คือ ระดับกำลังใจของพวกเราแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน ก็ได้แต่หวังว่าท่านทั้งหลายจะพินิจพิจารณาโดยไม่เข้าข้างตนเอง แล้วพยายามขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของตนเอง ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยเฉพาะพยายามปรับตัวให้เข้ากับระเบียบใหม่ แบบแผนใหม่ พยายามใช้กำลังใจในการขวนขวายที่จะสร้างบุญสร้างกุศลให้แก่ตน โดยไม่ท้อถอยต่อระยะทาง ไม่ท้อถอยต่อขั้นตอนของระเบียบที่มีมาก และไม่ท้อถอยต่อแรงกระทบที่มาถึง จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง
ลำดับต่อไปก็ขอให้ท่านทั้งหลายภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย น้องผักชี)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-07-2020 เมื่อ 16:16
|