ดูแบบคำตอบเดียว
  #45  
เก่า 01-10-2013, 13:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,780 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าตามหลักเวชศาสตร์วรรณนาของตำราแพทย์แผนไทย เขาบอกว่าคนถ้าอายุ ๓๕ ปีขึ้นไป ให้หาอาหารที่มีรสขมมากินบ้าง โดยเฉพาะสักปักษ์ละ ๑ - ๒ ครั้ง ปักษ์หนึ่งก็ครึ่งเดือน ตีเสียว่าสัปดาห์ละครั้งก็แล้วกัน

อาหารรสขมของเรามีมะระ ต้องเป็นมะระขี้นก มะระจีนไม่ขมหรอก มีมะระ สะเดา เพกาที่ชาวบ้านเรียกว่าลิ้นฟ้า อย่าให้ถึงขนาดบอระเพ็ดเลยนะ เขาทำบอระเพ็ดแช่อิ่ม ไม่มีรสขมเลย ไม่รู้ว่าทำอย่างไร ล้างรสขมออกได้อย่างไรก็ไม่รู้ แช่อิ่มมาเหลืองใสเลย

ถ้าตำราของหลวงพี่โอ (พระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร) ใช้เถาบอระเพ็ดยาว ๑ คืบ เคี้ยวกินไปเลย บางคนเอาขนาดพันรอบหัวตัวเอง ไอ้นั่นเกินคืบ น่าจะ ๒ คืบกว่า ท่านก็เคี้ยวกินของท่านได้หน้าตาเฉยเหมือนกัน คือร่างกายของคนเราอย่างน้อย ๆ ก็ประกอบด้วยธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม คราวนี้พออายุมากขึ้น ธาตุมักจะพร่อง หมอสมัยใหม่เขาบอกว่าฮอร์โมนเริ่มขาด พอธาตุพร่องก็ต้องหาทางเสริมธาตุ แล้วยาที่มีรสขมนี่เป็นเรื่องแปลกมาก ถ้าร่างกายร้อนเกิน ยาจะไปปรับให้เย็น ถ้าร่างกายเย็นเกินจะไปปรับให้ร้อน เป็นตัวยาที่ประหลาดที่สุดอยู่อย่างเดียว เพราะฉะนั้น..โบราณเวลาเขียนตำรับยา จะต้องแทรกยาดำไว้เสมอ เพราะยาดำมีรสขม เพื่อเอาไปปรับธาตุโดยเฉพาะ

เขามีรสขม รสเผ็ด รสจืด รสหวาน รสมัน รสฝาด รสฝาดนี่สมานแผล เขาแยกยาตามรส คนโบราณต้องชิมยาทุกอย่าง ต้องเรียนให้ได้ขนาดท่านปู่หมอชีวกฯ ถึงจะเก่งจริง "
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-10-2013 เมื่อ 13:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา