ดูลายมือที่เขาวงพระจันทร์
ครั้งหนึ่ง องค์ท่านมีความจำเป็นต้องไปเขาวงพระจันทร์ จังหวัดลพบุรี จึงได้ถูกชายผู้ดูแลรักษารอยพระบาทคนหนึ่ง จ้องมองดูท่านแบบผิดปกติ ดังนี้
“... เขานิมนต์แกมขอร้องเราไปที่เขาวงพระจันทร์ เจ้าของห้างขายยาเศรษฐีใหญ่ในกรุงเทพฯ เราก็ไม่เคยไปเหยียบบ้านเขาเลย เพราะเราคบคนไม่ได้คบเพื่อเงิน คบเพื่อธรรม ถ้าเป็นแบบโลก ๆ อู๊ย ! ได้โยมอุปัฏฐากใหญ่โต ห้างขายยาใหญ่ เราไม่เคยสนใจแหละ.. เรื่องอุปถัมภ์อุปัฏฐาก เราไม่เคยมีในใจนอกจากธรรม
เขาพาไป มีแต่คนแก่ ๆ ผู้หญิงอายุ ๕๐-๖๐ ผู้ชายมีแต่เพียงคนขับรถคนเดียว ฉันจังหันแล้วไปถึงนั่นตั้ง ๓ ทุ่มกว่าแล้ว จากกรุงเทพฯ ไปถึงก็มืด เขาจัดที่พักให้เราพักที่วัดชายเขาวงพระจันทร์
พอตื่นเช้าเขาก็จัดอาหารมาให้ฉัน เราก็หาอุบายถามว่าใครบ้างจะขึ้นเขาในวันนี้ คนนั้นก็ว่า ‘ฉันก็จะขึ้น’ คนนี้ก็ว่า ‘ฉันก็จะขึ้น’ มีแต่คนจะขึ้นทั้งหมด โอ๊ยตาย ! ไปกับพวกนี้ ๕ ชั่วโมงก็ไม่ถึง เขาก็ย้อนถามเรา ‘แล้วท่านล่ะ ขึ้นไหม ?’
‘โอ๊ย ! ต้องดูเหตุการณ์เสียก่อน เหตุการณ์ควรขึ้นก็ขึ้น ไม่ควรขึ้นก็ไม่ขึ้น’ เราว่าอย่างนี้
ในที่สุดพอมีโอกาสเราก็ขึ้นไปคนเดียว ๑ ชั่วโมงถึงสถานที่เลย ทหารไป ๑ ชั่วโมง ๑๕ นาทีเป็นอย่างเร็ว (ส่วน) ประชาชนต้อง ๒-๓ ชั่วโมง พอไปถึง คนที่ดูแลรักษารอยพระพุทธบาทออกมาต้อนรับ จัดหาน้ำร้อนน้ำชามาถวาย แต่ตาเขาจ้องมองเราจนผิดปกติ
เราดูเขา.. เขาไม่รู้นะ แต่เขาดูเรานี่รู้ชัดเจน มารยาทการดูมันต่างกัน เรามองดูก็รู้ว่าเขาดูเรา หากว่าเป็นคนเป็นอย่างแบบโลกก็แสดงว่ามีพิรุธต่อกัน แต่เราไม่สนใจ
เขาถาม ‘อาจารย์มากับใคร ?’
‘ที่มาตรงนี้ มาคนเดียว’ เราบอก
‘แล้วมีใครมาด้วยไหม ?’
‘มี อยู่กันข้างโน้น เขาจะขึ้นกันมาทีหลัง’
เขาจ้องมองดูแต่เรา เพ่งมองอยู่อย่างนั้น เราฉันน้ำร้อนน้ำชาให้เขานิด ๆ หน่อย ๆ แล้วเขาจ้อง พอเสร็จแล้วเขาบอกว่า ‘ขอดูลายมือ’
เราก็เข้าใจ ‘อ๋อ ! ที่เขาจ้องดูเรา หมายถึงจะขอดูลายมือนี่เอง’
ที่ไม่ลืมคำพูดของเขา ก็คือว่าประโยคคำพูดที่สำคัญ ก็คือ
‘๑. ท่านอาจารย์นี้มีเท่าไรหมด ไม่มีการสั่งสม ถ้าเป็นน้ำในคลองก็ไม่มีแอ่งเก็บน้ำ ไหลเตลิดเปิดเปิงจึงไม่มี แต่ไม่จน
๒. ปากเป็นพุทธะ ตามหลักของเขาคือ วาทะคำพูดสำคัญมาก
๓. ท่านอาจารย์ไม่ใช่พระธรรมดา’
เราก็แปลกใจ เราไม่เคยถามนะ มีแต่เรื่องเขาพูดเอง แล้วเราเฉย.. ไม่สนใจถาม จำได้ ๓ ประโยค...”