ดูแบบคำตอบเดียว
  #487  
เก่า 30-06-2020, 15:49
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

สร้างวัดป่าบ้านตาด

ชาวบ้านตาดเล่าว่า ในเบื้องต้นเมื่อองค์หลวงตาพาโยมมารดากลับจากจันทบุรี ได้พาโยมมารดาและคณะมาพำนักอยู่ที่บริเวณเหล่าภูดิน ซึ่งเป็นที่ดินของโยมบิดามารดาของท่าน และอยู่ทางทิศตะวันออกของโรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษา และตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของบ้านตาด ติดถนนสายบ้านตาด-กกสะทอน

ต่อมาคุณตาก้อน วังคำแหง*๑ และคุณตาบุดสา บัวสอน*๒ ซึ่งมีที่ดินอยู่ติดกัน ได้นิมนต์ไปดูที่ดินซึ่งทั้งสองจับจองไว้ โดยแปลงหนึ่งเป็นที่ดินหัวไร่ปลายนาของคุณตาก้อน ซึ่งมีลักษณะเป็นที่สูงและไม่สามารถใช้ทำนาได้ คุณตาก้อนนี้มีที่น่าอยู่ด้านทิศเหนือทางเข้าวัดป่าบ้านตาด ตั้งแต่ประตูหน้าวัดจนถึงสระน้ำ ส่วนคุณตาบุดสาได้ถวายที่ดินที่ได้จับจองไว้ทำไร่ทำสวนให้แก่องค์ท่าน กว้าง ๘ เส้น ยาว ๘ เส้น ซึ่งอยู่ติดกันกับที่ดินของคุณตาก้อน และเมื่อรวมที่ดินทั้งสองแปลงสองเจ้าของเข้าด้วยกัน จึงเป็นเขตวัดป่าบ้านตาดมาแต่เริ่มแรก

ส่วนชื่อวัดป่าบ้านตาดที่มีชื่อเป็นทางการว่า วัดป่าเกษรศีลคุณ นั้น หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ แห่งวัดป่าบ้านนาคูณ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งอยู่กับองค์หลวงตามาตั้งแต่เริ่มตั้งวัดในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ อธิบายว่า เป็นนามขององค์หลวงตา คือ “บัว” ซึ่งเป็นชื่อของดอกไม้ (คำว่า “เกษร” แปลว่า ดอกไม้)

เกี่ยวกับสภาพวัด และการดำเนินการในช่วงเริ่มต้นสร้างวัดนั้น องค์หลวงตาเคยกล่าวไว้เช่นกันว่า
“... วัดป่าบ้านตาด เมื่อเริ่มสร้างวัดใหม่ ๆ มีพระเณรอยู่ด้วยกันหลายรูป ตอนที่เรามาสร้างวัดนี้นะ วัดนี้เป็นดงทั้งหมด ติดต่อจากนี้ไปถึงอำเภอหนองแสง เป็นดงใหญ่ทั้งนั้น ทะลุปรุโปร่งไปหมด มีแต่ดงแต่ป่า สัตว์นี้เต็มไปหมด มีทุกประเภทของสัตว์ ช้างเป็นโขลง ๆ เต็มดง กระทิง วัวแดง กวาง หมูเป็นฝูง ๆ ฝูงละเป็นร้อย ก็มีหมูป่าในดงนี้ พวกเก้ง พวกกวาง พวกอะไร.. ไก่ป่า ไก่ฟ้า อีเห็น เม่น เต็มดงนี้...


หมูป่าเป็นฝูง ๆ ยังพากันมาอาศัยนอน และเที่ยวหากินอยู่ตามบริเวณหน้ากุฏิพระเณรในเวลากลางคืน ห่างจากที่ท่านเดินจงกรมราว ๒-๓ วาเท่านั้น ได้ยินเสียงมันขุดดิน หาอาหารด้วยจมูกดังตุ๊บตั๊บ ๆ อยู่ในบริเวณนั้น ไม่เห็นมันกลัวท่านเลย เวลาท่านเรียกกันมาดูและฟังเสียงมันอยู่ใกล้ ๆ ก็ไม่เห็นมันวิ่งหนีไป ยังพากันเที่ยวหากินตามสบายในบริเวณนั้นแทบทุกคืน ทั้งหมูและพระเณรเคยชินกันไปเอง แต่ทุกวันนี้ยังมีเหลือเล็กน้อย และนาน ๆ พากันมาเที่ยวหากินทีหนึ่ง ... ต่อไปไม่กี่ปีคงจะเรียบไปเอง

ต้นไม้เดี๋ยวนี้ใหญ่โตแล้ว (ปี ๒๕๕๐) ตอนตั้งวัดแต่ก่อนไม่มี (ชี้ไปทางกุฏิองค์หลวงตา) ถูกเขาทำลายทำสวน ป่าราบไปหมด.. ๕๐ ปีได้ขนาดนี้ต้นไม้ เรียกว่าคนละโลกไปเลย มาอยู่ที่นี่ ทีแรกเป็นป่าเบญจพรรณ ป่าอะไร (ชี้ไปทางด้านหน้าศาลา) .. พอมาสร้างวัด ต้นไม้ก็ขึ้นขนาดนี้.. ๕๐ ปี ดงต่อกันนะ นานี่ไม่มี เป็นดงต่อไปเป็นดงใหญ่ พวกหมู กวาง เก้ง หมี เสือ สร้างวัดทีแรกมันผ่านเข้ามาในวัด มันเดินผ่านทางที่เข้าบ้าน เสือโคร่งใหญ่ ก็ป่าเขานี่มันผ่านไปผ่านมา .. พวกหมี พวกเสือโคร่ง ผ่านไปผ่านมา

ท่านแสวง (ดูว่าไปตายที่วัดเขาน้อยละมั้ง) ท่านกลัวหมี ทีแรกมันออกมากุฏิเรา กุฏิเราเป็นกระต๊อบ พอมาเจอกุฏิเราเข้า ตีสามมันจะข้ามไปดง ข้ามไปข้ามมา หมีใหญ่ ตัวใหญ่ตัวดำ ๆ เดือนหงาย ๆ มันออกมาหาเรา แต่ยังไม่ทันเห็นเรา เสียงมันดังโครมคราม ๆ มาเจอกุฎิเราแล้วก็เลาะไปเจอเอากุฏิพระแสวง กุฏิมีแต่กระต๊อบนะ พระแสวงยืนตัวสั่นอยู่ในกระต๊อบ มันออกมาเจอกระต๊อบ มันก็หลบอีก มันไม่ผ่าน หลบไปทางนู้น หมีใหญ่มีสองสามตัว รอยมันผ่านไปผ่านมา เดี๋ยวนี้หมด เสือไม่มี พวกสัตว์เนื้อหมด เขาตั้งอำเภอแถวนั้นแหละ ดงใหญ่...

แถวนี้ไม่มีต้นไม้ (ชี้ไปทางกุฏิองค์หลวงตา) เป็นพุ่มหมดเลย ใหญ่ขนาดนี้ต้นไม้ มันเป็นดงเก่าเขามาทำไร่ทำสวน เตียนโล่งไปหมด พอเรามาสร้างวัดที่นี่มันขึ้นใหม่นะนี่ ต้นใหญ่ ๆ ขึ้นใหม่หมดเลย ประมาณ ๕๐ ปี พระก็ดูเหมือน ๑๒ องค์ ปีแรกมาอยู่นี่ ๑๒ องค์ เขารับจำกัด ๑๘ องค์ ..

วัดป่าบ้านตาด (ระยะต่อ ๆ มา) .. มีเนื้อที่กว้างขวางก็ดี ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม เพราะวัดนี้เป็นวัดของแผ่นดิน ทำประโยชน์ก็เพื่อแผ่นดิน

ตั้งแต่สร้างวัด เราก็ทำประโยชน์เรื่อยมา ถนนหนทางทำตั้งแต่บ้านดงเค็งเข้ามาถึงบ้านตาด ให้ลูกศิษย์ลูกหาช่วยกันทำเรื่อยมา

ถนนจากหมู่บ้านเข้ามาถึงวัดนี้ก็เหมือนกัน นี่เราทำเอง ขอชาวบ้าน ขอลูกเต้าหลานเหลนทำ ทางมา แหวกทางมา ขอมาเรื่อย ๆ แล้วก็ขึ้นค่าสินน้ำใจเขา เราไม่ขอเอาเฉย ๆ เราให้ค่าสินน้ำใจตอบแทน ค่าตอบแทนเราก็ไม่ให้ต่ำ ให้สูงไว้เสมอ ๆ เพราะฉะนั้น สองฝั่งทางนี้มันจะมีหลักฝังอยู่ นี่เราก็จ่ายเงินเขาไปหมดแล้ว

สระน้ำหน้าวัดนี้ก็เหมือนกัน เราก็ทำให้เพื่อชาวบ้าน ทางสายหน้าวัดนี้แต่ก่อนมันเป็นดงนะ มันไม่มีบ้าน นี่เราขอเอาไว้ก่อนเลย

หลวงตาบิณฑบาต ไม่ได้บิณฑบาตแต่ข้าวอย่างเดียวนะ แม้กระทั่งถนนหนทางก็ขอบิณฑบาต ขอไปไหนได้หมด เขาก็ว่า ‘อู้ย ! หลวงตาขออะไรได้หมดแหละ’

และเขาก็ให้หมดจริง ๆ นะ ถนนหนทางมันจึงกว้าง ...”

........................................................................

*๑ องค์หลวงตาเรียกคุณตาก้อนว่า “ผู้เฒ่าก้อน” หรือ “พ่อออกสิน” เป็นการเรียกชื่อตามชื่อลูกคนโต ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชาวอีสาน คุณตาก้อนมีความเกี่ยวพันเป็นญาติผู้น้องของโยมมารดาขององค์หลวงตา โยมบิดาและโยมมารดาเรียกคุณตาก้อนว่า “น้าบ่าว”

*๒ องค์หลวงตาเรียกคุณตาบุดสาว่า “พ่อออกใจดี” หรือ “เฒ่าใจดี” เพราะความสนิทสนมคุ้นเคยกันแต่ครั้งเป็นฆราวาส โดยองค์หลวงตาเป็นเพื่อนกับน้องชายคนหนึ่งของคุณยายสีกา ภริยาคุณตา วันหนึ่งได้ซ้อมมวย เตะต่อยชกกันเล่นตามประสาวัยรุ่น แล้วถูกคุณยายสีกาผู้เป็นพี่สาวดุด่า กล่าวหาว่าเป็นเรื่องน่ารำคาญ ไร้สาระ อันเป็นการบอกสอนปรามน้อง ๆ ด้วยเกรงจะไปในทางไม่ดี ในขณะที่คุณตาบุดสาผู้เป็นสามี แม้จะนั่งดูหรือเห็นการชกต่อยของน้อง ๆ คุณตาก็ไม่ได้ว่ากล่าวใด ๆ คงนิ่งเฉยเสีย แม้ในเวลาต่อ ๆ มา คุณตาก็จะไม่ค่อยพูด เป็นลักษณะของคนใจดี องค์หลวงตาจึงเรียกคุณตาว่า พ่อออกใจดีหรือผู้เฒ่าใจดีตลอดมา

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-06-2020 เมื่อ 15:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา