ชื่อกระทู้: เทศน์คาถาพัน
ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 19-07-2009, 09:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กัณฑ์ที่ห้า กัณฑ์ชูชก กัณฑ์ที่ไม่ค่อยมีใครเป็นเจ้าภาพ เพราะเขาไม่ชอบขี้หน้าชูชก กัณฑ์นี้บรรยายชูชกซึ่งเป็นนักขอมือวางอันดับหนึ่ง ขอใครแล้วต้องได้

สมัยเด็ก ๆ ถ้าเกิดข้าวยากหมากแพงขึ้นมาก็จะมีพวกวณิพก ไปร้องรำทำเพลงแล้วก็ขอข้าวสาร พวกนี้จะเป็นชาวเกษตร ไปฟ้อนไปรำ ไปร้องเพลง ไปอ้อนขอความเห็นใจ เขาเรียกเปิดหม้อไม่มีข้าวสุก เปิดสมุกไม่มีข้าวสาร

ชูชกนี่เก่ง เข้าใจหลักจิตวิทยา ตรงที่ว่าจะเยินยออย่างไรให้คนใจอ่อน ยอมทำบุญกับตน จริง ๆ แล้วชูชกเป็นพราหมณ์แต่ว่าเป็นพราหมณ์ที่ไม่ได้ประกอบพิธีในลักษณะที่เป็นผู้นำของชุมชน ก็เลยฐานะยากจน อาศัยขอทานจนรวย ชูชกขอทานจนเงินท่วมย่าม เอาไปฝากเพื่อน แล้วก็หายไปเป็นเดือนเป็นปี เพื่อนก็คิดว่าน่าจะตายไปแล้ว ก็เลยใช้เงินแกหมด พอชูชกกลับมาไม่มีเงินจะคืนให้ ก็เลยต้องยกลูกสาวคือ นางอมิตดาให้

ชูชกแก่คราวปู่ นางอมิตดานี่รุ่นหลาน แต่ก็อย่างว่าสมัยก่อนผู้หญิงไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียง ไม่สามารถเรียกร้องสิทธิสตรีได้ เขายกให้เป็นสมบัติใครก็ต้องไป ต้องชมน้ำใจนางอมิตดาว่าทำหน้าที่ภรรยาได้ดีมาก ผัวแก่ขนาดนั้นก็ยังปรนนิบัติรับใช้ทุกอย่าง แต่มันดีเกินไป มันเกินหน้าเกินตา พวกชาวบ้านอยากให้เมียตัวเองทำแบบนางอมิตดาบ้าง นางอมิตดาก็เลยโดนเมียเขาด่า ก็มาร้องไห้บอกชูชกว่า จะไม่ทำงานแล้วเพราะโดนเพื่อนบ้านรุม ชูชกปลอบใจอย่างไรก็ไม่ยอม ท้ายสุดก็ตกลงว่า พระเวสสันดรไปอยู่ป่า ให้ไปขอพระลูกทั้งสอง ก็คือกัณหากับชาลีมาเป็นคนรับใช้ของเรา ชูชกก็เลยต้องไป

กัณฑ์ที่หก มหาพน มหาพนคือป่าใหญ่ (มหาพน = มหาวน)

กัณฑ์ที่เจ็ด จุลพน บรรยายลักษณะของป่าในเขาวงกต ที่พระเวสสันดรไปอยู่ มีพราหมณ์เจตบุตรและอจุตฤๅษีเป็นคนเฝ้าทาง ทั้งสองโดนชูชกหลอกต้ม ชูชกหลอกว่าตนเองเป็นทูตมาจากพระเจ้ากรุงสญชัย จะมารับพระเวสสันดรกลับ

กัณฑ์์ที่แปด กุมาร กัณหาชาลีรู้ว่าชูชกต้องมาขอตัวเองแน่ ก็หนีไปซ่อนอยู่ในสระ พระเวสสันดรตามไปอ้อนวอนขอให้ขึ้นมา ลักษณะนี้จะบรรยายได้ชัดเจนเลยว่าพระองค์ท่านปรารถนาพระโพธิญาณ 'ขอให้ลูกทั้งสองทำตัวเป็นสำเภาทอง ส่งพ่อให้ถึงฝั่งปรารถนา'

กัณฑ์ที่เก้า มัทรี พระนางมัทรีออกไปหาผลไม้ในป่า กำลังจะกลับ พระอินทร์ก็ให้เทวดาแปลงเป็นเสือเหลืือง เสือโคร่ง ราชสีห์ขวางทางอยู่

กัณฑ์ที่สิบ สักบรรพ กล่าวถึง พระอินทร์กลัวว่าพวกที่ไม่รู้ภาษาจะมาขอพระนางมัทรีไปเป็นเมีย เพราะขนาดลูกยังขอไปเป็นคนใช้ ท่านก็เลยแปลงเป็นพราหมณ์แก่ไปขอเสียเอง พอพระเวสสันดรยกพระนางมัทรีให้ ท่านก็แสดงตัวเป็นพระอินทร์ บอกว่ารับไว้แล้วก็ขอมอบให้พระเวสสันดรเอาไว้ใช้สอยอยู่เหมือนเดิม ห้ามให้คนอื่นอีกเพราะเป็นสมบัติของท่านแล้ว

กัณฑ์ีที่สิบเอ็ด มหาราช ชูชกพาสองกุมารเดินทาง โดนเทวดาพาหลงเข้าเมือง ไปเจอพระเจ้ากรุงสญชัย ท่านก็เลยไถ่ตัว ชูชกได้กินอิ่มหนำสำราญจนท้องแตกตาย

กัณฑ์ที่สิบสอง ฉกษัตริย์ พระเจ้ากรุงสญชัยก็ยกขบวนไปรับพระเวสสันดร ฉกษัตริย์ จริง ๆ บาลีมันเป็น ฉะ-กษัตริย์ แต่ว่ารัชกาลที่ ๔ ท่านไม่โปรด ในเมื่อท่านไม่โปรด เวลาที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต วัดระฆัง ท่านถวายเทศน์กัณฑ์นี้ ท่านก็เลยอ่านเป็น ฉอ-กษัตริย์ แปลว่ากษัตริย์ทั้งหก รัชกาลที่สี่ทรงโปรดมากกว่า ท่านบอกว่าฟังดูไม่หยาบคาย

กัณฑ์ที่สิบสาม นครกัณฑ์ กลับคืนบ้านเมือง กรรมเก่าที่เคยสร้างไว้บัดนี้หมดลงแล้ว กลับไปครองเมืองสีพีแทนพระเจ้ากรุงสญชัย

รวมแล้วเป็น ๑๓ กัณฑ์ ๑,๐๐๐ คาถาพอดี สมัยก่อนเรียกเทศน์คาถาพัน


เทศน์ที่บ้านอนุสาวรีย์
๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-12-2009 เมื่อ 13:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา