เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔
ถาม : เวลาที่นั่งภาวนาอยู่ ภาวนาไปด้วยจับลมไปด้วย แล้วรู้สึกเพลินไปกับการภาวนา พอรู้สึกตัวอีกทีก็เหลือแต่คำภาวนาอย่างเดียว อันนี้คือหลุดมาจากการจับลมแล้วหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : เกิดจากสองสาเหตุด้วยกันจ้ะ อย่างแรกก็คือกำลังใจเริ่มละเอียดขึ้น แต่คราวนี้สติตามไม่ทัน ก็เลยเหลือการรับรู้อยู่แค่อย่างเดียว
อย่างที่สองหยาบกว่าอีก ก็คือหลุดจากคำภาวนามา เหลือลมหายใจอยู่แค่ประการเดียวเท่านั้น สรุปง่าย ๆ ว่าทั้งสองอย่างสำคัญตรงสติ สติตามไม่ทันจะเกิดอาการนั้นขึ้น
ถาม : ขณะนั้นจิตว่าง ไม่ได้คิดอะไรนอกจากการภาวนา ?
ตอบ : เอาแค่นั้น จะทำอย่างไรก็ได้ ถ้าหากว่านิวรณ์กินใจไม่ได้ ถือว่ากำลังใจมีคุณภาพดีกว่าปกติ
ถาม : เวลานั่งนิ่ง ๆ แล้วมองอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะลืมไป สมมติมองกระจกเห็นหน้าตัวเอง ก็จะรู้สึกว่าไม่ใช่หน้าเรา เป็นอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่อะไรเลยค่ะ พักหลังจะเป็นบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ แล้วหนูก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่
ตอบ : จิตที่หยุดการปรุงแต่งเพราะสมาธิเริ่มทรงตัว ไม่ต้องรู้หรอกจ้ะ จริง ๆ แล้วสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เราดูว่าคุณภาพของจิตใจเป็นอย่างไรจึงจะสำคัญที่สุด ตอนช่วงนั้นนิวรณ์กินใจเราได้ไหม ? ถ้านิวรณ์กินใจเราไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ก็เรียกว่า สภาพจิตสงัดจากสิ่งที่ไม่ดีชั่วครั้งชั่วคราว ถ้าทำให้สงัดจากสิ่งที่ไม่ดีได้นานขึ้น คุณภาพจิตใจของเราก็จะดีขึ้น
เพราะฉะนั้น..สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ อะไรที่เกิดขึ้น ไม่ต้องไปเสียเวลาไปตามคิดว่าคืออะไร แต่ว่าให้ดูว่าได้ประโยชน์อย่างไร
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-07-2011 เมื่อ 02:06
|