เมื่อเรามีความอดทนแล้ว ยังต้องมีความเพียรพยายาม การเพียรพยายามนั้นต้องเพียรพยายามให้ถูกต้องด้วย ไม่ใช่เราพากเพียรทุ่มเท ไม่ยอมกินไม่ยอมนอนต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน ๆ ถ้าลักษณะอย่างนั้นร่างกายจะรับไม่ไหว อาจจะเกิดอาการสติแตก กรรมฐานแตก สร้างความเดือดร้อนให้กับเราเอง
ความเพียรพยายามนั้นต้องมีกำหนดเวลาที่แน่นอนและสม่ำเสมอ พากเพียรไม่ย่อท้อ ไม่ถึงจุดหมายปลายทางเมื่อไรจะไม่ละเว้นจากการปฏิบัติอย่างเด็ดขาด ถ้าเป็นเช่นนี้จึงกล่าวได้ว่าเราเป็นผู้ประกอบไปด้วยวิริยบารมี คือมีความเพียรที่สมควรแก่การเป็นผู้ปฏิบัติธรรม
ข้อสุดท้ายคือปัญญาบารมี ถ้าเรามีความอดทน มีความพากเพียร แล้วขาดปัญญา ก็อาจจะอยู่ในลักษณะของบุคคลที่เรียกว่า ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา คือเป็นบุคคลที่ปฏิบัติก็ลำบาก บรรลุก็ยาก เพราะไม่รู้จักใช้ปัญญามองหากองกรรมฐานที่เหมาะสมแก่จริตของตน มองหาวิธีการที่จะปฏิบัติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในช่วงนั้น ๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นการปฏิบัติของเราก็จะกลายเป็นเนิ่นช้า
โดยเฉพาะตัวปัญญานี้ต้องมีกำกับอยู่ในหัวข้อธรรมทุกบท ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็อาจจะปฏิบัติผิด ๆ พลาด ๆ นอกจากไม่บังเกิดผลดีแล้ว ยังอาจจะเกิดผลร้ายขึ้นมาได้ การที่เราจะมีปัญญารู้ว่าอะไรถูก อะไรควรนั้น ก็เกิดจากการที่เราคอยระมัดระวัง เทียบเคียงหลักการปฏิบัติในปัจจุบันนั้น ว่าเกิดผลตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอนมาหรือไม่ หรือว่าผลนั้นตรงตามตำราที่เราศึกษามาหรือไม่ หรือถ้าจะเอาให้ชัดเลยก็คือผลการปฏิบัติของเราตรงตามพระพุทธวจนะในพระไตรปิฎกหรือไม่
ถ้าเราใช้ปัญญาประกอบ ปฏิบัติไปด้วยความระมัดระวังเช่นนี้ โอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จในการเจริญกรรมฐานก็จะมีมาก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2013 เมื่อ 14:11
|