หลังจากนั้นก็มาดูสังโยชน์ตัวสองคือ วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในผลการปฏิบัติ ว่าจะเป็นไปอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนหรือไม่
ความจริงพวกเราทั้งหมดนั้น ในตัววิจิกิจฉาถือว่ามีน้อยมากแล้ว เพราะถ้ายังลังเลสงสัยอยู่ เราก็ไม่เข้ามาบวช ไม่เข้ามาปฏิบัติ ในเมื่อท่านที่เป็นนักบวชเข้ามาบวช ท่านที่เป็นนักปฏิบัติเข้ามาปฏิบัติ ก็แปลว่าความลังเลสงสัยนั้นมีน้อยแล้วจึงได้กล้าที่จะก้าวเข้ามา
ในข้อที่สามนั้นคือ สีลัพพตปรามาส คือ การรักษาศีลแบบไม่จริงจัง รักษาศีลแบบลูบ ๆ คลำ ๆ การที่เราจะแก้ไขได้ ก็คือต้องเพิ่มความจริงจังด้วยการเห็นคุณของศีล
อย่างที่มีคำกล่าวเอาไว้ในตอนท้ายของการสมาทานศีล สีเลน สุคตึ ยนฺติ ศีลเป็นปัจจัยให้เราไปสู่สุคติได้ สีเลน โภค สมฺปทา ศีลทำให้เราถึงพร้อมด้วยโภคสมบัติทั้งปวง สีเลน นิพฺพุตึ ยนฺติ ศีลเป็นเครื่องช่วยให้เราก้าวเข้าสู่พระนิพพาน
ดังนั้น ในเบื้องแรกนั้นสำคัญตรงที่ว่าเราต้องรักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ เพื่อจะได้อาศัยกำลังของศีลทำให้สมาธิของเราทรงตัวตั้งมั่น เมื่อสมาธิทรงตัวแล้วสามารถที่จะใช้ปัญญาพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ได้โดยไม่สับสนวุ่นวาย
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เราก็จะเห็นว่าสังโยชน์ทั้ง ๑๐ นั้น สังโยชน์สามข้อแรกเป็นสิ่งเราพึงจะทำลายให้ได้เสียก่อน โดยเฉพาะในส่วนของสักกายทิฐิ คือ เห็นร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเรา ให้พยายามแยกแยะออกดู ว่าแท้จริงแล้วร่างกายนี้ไม่มีอะไรเป็นเราเลย
นอกจากส่วนประกอบของธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม เมื่อประกอบกันขึ้นมาเป็นหัว เป็นหู เป็นหน้า เป็นตา เรามาอาศัยอยู่ตามแรงบุญแรงกรรมที่ส่งมา เราก็ไปยึดว่าร่างกายนี้เป็นของเรา
วิจิกิจฉาในส่วนของความลังเลสงสัยนั้น เราก็ทำความเคารพในพระรัตนตรัยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ไม่ล่วงเกินต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แม้จะด้วยกาย วาจา หรือใจก็ตาม
ข้อต่อไปคือ สีลัพพตปรามาส การรักษาศีลอย่างไม่จริงจัง ก็ให้เราทุ่มเทกับศีลอย่างจริงจัง ชนิดที่ว่าตัวตายดีกว่าศีลขาด ยินดีชนิดเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อให้ตนเองสามารถทรงศีลอยู่ได้ตามปกติ
ถ้าท่านสามารถกระทำในสังโยชน์ทั้งสามข้อนี้ โดยการพยายามตัดละอย่างเต็มความสามารถของท่านแล้ว ความหวังที่จะก้าวเข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้าในระดับพระโสดาบันและพระสกทาคามี ก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้ตามหวังโดยง่าย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-08-2010 เมื่อ 06:12
|