ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 12-11-2009, 12:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,926 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ช่วงบ่ายภายในวันเดียวกันหลวงพ่อได้อ่านหนังสือให้ฟังว่า

"ในสังยุตตนิกาย นิทานวรรค พระพุทธเจ้าตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายที่กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน ใกล้เมืองเวสาลีว่า

ภิกษุทั้งหลาย ในบัดนี้ภิกษุทั้งหลายมีท่อนไม้เป็นหมอนหนุน อยู่อย่างไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส ในชั้นความเพียรที่เป็นหลักเป็นประธาน มารผู้ใจบาปจึงหาช่องทางทำลายล้างมิได้ หาโอกาสทำตามอำเภอใจแก่ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นมิได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในกาลยืดยาวในอนาคตนั้น ภิกษุทั้งหลายจะทำตนเป็นสุขุมาลชาติ มีฝ่ามือฝ่าเท้าอ่อนนิ่ม จักสำเร็จการนอนบนที่นอนอันอ่อนนุ่ม มีหมอนใหญ่ ๆ ไว้หนุน นอนจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น คราวนั้นมารผู้ใจบาปก็จักได้ช่องทำลายล้าง จักได้โอกาสที่ทำตามอำเภอใจ แก่ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น

ภิกษุทั้งหลายด้วยเหตุนี้ พวกเธอทั้งหลายพึงสำเหนียกใจว่า เราทั้งหลายจักใช้ท่อนไม้เป็นหมอนหนุน จักกินอยู่อย่างไม่ประมาท จักมีความเพียรเผากิเลสในชั้นความเพียรที่เป็นหลักเป็นประธานดังนี้"

แล้วท่านก็กล่าวว่า "จำเอาไว้ว่าถ้าไม่ยอมลำบากนี่ตายเร็ว สังเกตไหมคนที่มีความทุกข์มาก ๆ จะอายุยืน มันเหมือนกับว่าเขาถูกความทุกข์คอยกระหน่ำรุมเร้าอยู่ จนกระทั่งพลังชีวิตมันกล้าแข็งกว่าคนทั่วไป ก็เลยอายุยืน เพราะฉะนั้นเราเองถ้าอยากได้ดีต้องยอมทนลำบาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-11-2009 เมื่อ 12:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 101 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา