ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 22-10-2016, 20:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,952 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วิธีการขับไล่ที่ดีที่สุดก็คือ อยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา ถ้าสภาพจิตจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า ลมหายใจออก สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็จะกวนเราไม่ได้ และข้อสุดท้ายก็คือ หลังจากภาวนาแล้ว เมื่อเราคลายกำลังใจออกมา เราได้นำวิปัสสนาญาณมาพินิจพิจารณาบ้างหรือไม่ ? ถ้าหากว่าเรานำวิปัสสนามาพินิจพิจารณาอยู่ เราสามารถเห็นได้ชัดเจนหรือไม่ ? ทั้งหลายเหล่านี้เราจำเป็นต้องเตือนตนเองอยู่ทุกวัน ๆ

การปฏิบัติธรรมนั้นเราจะเบื่อไม่ได้ หน่ายไม่ได้ เพราะเหมือนกับการปีนเขาหรือว่ายทวนน้ำ ตราบใดที่ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ก็ต้องเหนื่อยต้องหนักอยู่ตลอดไป แต่ถ้าถึงจุดหมายปลายทางเมื่อไร เราก็จะพ้นจากความเหนื่อยยากทั้งปวง เราจะเห็นว่าความทุกข์ยากตั้งแต่ต้นมาจนถึงบัดนี้ ล้วนแล้วแต่คุ้มค่ามหาศาล เพราะว่าเราไม่ต้องย้อนกลับไปหาความทุกข์ทั้งหลายเหล่านั้นอีก

ดังนั้น...ในแต่ละวันให้ทบทวนในเรื่องของศีล ว่าแต่ละสิกขาบทบริสุทธิ์บริบูรณ์หรือไม่ ? ในเรื่องของสมาธิคือ สภาพจิตของเราโดนนิวรณ์ครอบงำบ้างหรือไม่ ? ในเรื่องของปัญญาคือ เราได้พินิจพิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นตัวตนของร่างกายของเราหรือไม่ ? ถ้ายังไม่มีก็ทำให้เกิดขึ้น ถ้ามีอยู่แล้วก็ทำให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้าปฏิบัติได้ดังนี้ โอกาสที่เราจะเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม โอกาสที่เราจะล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานจึงจะมีขึ้นแก่เราได้

ลำดับต่อไปให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2016 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา