ดูแบบคำตอบเดียว
  #87  
เก่า 08-10-2013, 11:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,603
ได้ให้อนุโมทนา: 151,769
ได้รับอนุโมทนา 4,412,323 ครั้ง ใน 34,193 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเข้าใจหลอก ท่านว่า “ไอ้หนู..คาถาบทนี้ดีอย่างนี้ ลูกลองเอาไปทำดู ภาวนาอย่างต่ำครึ่งชั่วโมงนะ อย่าลืม..ต้องรักษาศีล ๕ ด้วยถึงจะได้ผลเร็ว” เรียบร้อย..กว่าจะรู้เรื่อง ก็โดนท่านหลอกให้ภาวนาจนชินแล้ว

เรื่องของคาถาอาคม ส่วนใหญ่แล้วเขาเชื่อว่าเป็นเรื่องของไสยศาสตร์ เราจะเรียกว่าไสยศาสตร์ก็ได้ แต่ครูบาอาจารย์ท่านปรับมาจนเข้ากับกรรมฐาน ก็เลยกลายเป็นพุทธศาสตร์ไป โดยเฉพาะเรื่องของไสยศาสตร์นั้น บางทีอาตมาไปดูแล้วก็ขำ ๆ คาถาส่วนใหญ่เป็นหัวใจพระธรรมทั้งนั้นเลย แต่เขาเอาไปทำเสน่ห์บ้าง อะไรบ้างยุ่งไปหมด แสดงว่าคาถาเป็นเพียงเครื่องโยงใจให้เป็นสมาธิ พอเป็นสมาธิแล้ว พวกเราตั้งใจให้เป็นอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น เรื่องของคาถาจึงไม่มีความจำเป็น จะใช้ บทอะไรก็ได้

หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม ตอนเด็ก ๆ พ่อพาไปทิ้งไว้ที่ศาลา พ่อขึ้นไปคุยกับหลวงพ่อที่วัด คุยเพลินจนค่ำ ท่านเป็นเด็กอยู่คนเดียวในศาลาก็กลัวผี จึงคิดในใจว่า "กลัวแล้ว ไม่เอาแล้ว กลัวแล้ว ไม่เอาแล้ว กลัวแล้ว ไม่เอาแล้ว" ไปเรื่อย ๆ ใจเป็นสมาธิ กายในหลุดออกไปเฉยเลย ก็เลยสงสัยว่า “วัดยังไม่มืดนี่” ก็เลยหายกลัวผี แต่ความจริงที่ไม่มืดคือกายในเห็น จริง ๆ กลางคืนมืดตื๋อไปตั้งนานแล้ว

สรุปได้ว่า “กลัวแล้ว ไม่เอาแล้ว” ก็สามารถถอดจิตได้เหมือนกัน คาถาก็เลยกลายเป็นเครื่องโยงใจให้เป็นสมาธิเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2013 เมื่อ 19:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา