พระอาจารย์ได้อธิบายถึงเรื่องความตายว่า "สภาพร่างกายของเรามันไม่ใช่เราจริง ๆ ยกตัวอย่างว่ามันเหมือนรถยนต์กับคนขับรถ คุณกำลังจะเปลี่ยนรถคันใหม่ ในเมื่อรถคันเก่าของคุณจะพังก็พังไป เราก็เปิดประตูลงไปหารถคันใหม่ ถ้าหากจิตของเราตั้งมั่นอยู่ในศีล สมาธิ และปัญญา เราก็จะได้รถคันใหม่ที่ดีกว่านี้
เพราะฉะนั้น..จริง ๆ ความตายมันไม่ใช่ของน่ากลัว เพียงแต่ว่าความไม่รู้ก็เลยทำให้เรากลัว ถึงได้ชอบใจภาษาจีน คนตายเขาใช้คำว่า "เปลี่ยนร่างหรือข้ามร่าง" เขาไม่ได้บอกว่าตายอย่างบ้านเรา บาลีเขาบอกว่า กาลัง กัตตะวา วาระที่ต้องไป
เหตุที่กลัวตายก็เพราะไม่รู้ ที่ไม่รู้ก็เพราะอวิชชามันบัง ขาดความรู้ ขาดความมั่นใจ ก็ย่อมเกิดความกลัว แม้กระทั่งเราขับรถ ขับอยู่ทุกวันนี่แหละ ลองไปที่ ๆ ไม่เคยรู้จัก เราก็กลัว ท้ายสุดมาลงตรงคำว่าตาย เพียงแต่ว่ามันฝังจนเราไม่รู้
ลองไล่ดูสิ ขับรถไปก็กลัวหลง ถ้าหลงก็กลัวว่าจะนาน ถ้าหากมันนานจนกระทั่งสิ่งสนับสนุนทั้งหมดไม่มีเหลือแล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน เงิน อาหารการกิน อะไรก็ตามเหล่านี้ ถ้ามันหมดก็คือกลัวว่าจะตาย ไม่ไปไหนหรอกลงตรงตายหมด เพียงแต่ว่ามันไปอ้อม ไกลหน่อย
ตามดูอยู่เป็นปี ๆ คำเดียว ว่ากลัวอะไร? สรุปแล้วมาลงตรงคำว่าตาย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-04-2011 เมื่อ 11:26
|