๕๑. ซ้อมมวยกับผี...!
ขึ้นชื่อว่า “
ผี” ไอ้ที่ไม่น่ากลัว เห็นจะมีแต่ผีเสื้อเท่านั้น แต่ก็ไม่แน่นัก ถ้าไปเจอผีเสื้อโลกล้านปี อย่างในเรื่อง “
พระอภัยมณี” แต่ละตัวปีกเท่าเสื่อลำแพน แถมกินคนซะด้วย แบบนี้ก็ตัวใครตัวมัน วิ่งกันตูดแป้นไปตาม ๆ กัน...!
ตอนเด็ก ๆ ละก็ชอบนัก ใครเล่าเรื่องผีเป็นหูผึ่ง นั่งเบียดกันเป็นกระจุก กลัวก็กลัว อยากฟังก็อยาก พอถึงตอน
แม่นาคพระโขนง เอื้อมมือยาวเหยียด หยิบไม้ทะเลาะครกที่ใต้ถุน ต่างคนต่างขยับหนีร่องกระดาน กลัวผีมันจะล้วงตูด...! ปวดฉี่ก็ทนเอา จะออกไปก็กลัวผี จด ๆ จ้อง ๆ อยู่กันทั้งกลุ่มแค่หัวบันได ผู้ใหญ่แกล้งร้อง “เอิ๊บ...” ขึ้นทีเดียว ปล่อยซ่ารดกางเกงกันตรงนั้นเอง กลางคืนนอนคลุมโปงเหงื่อท่วมตัว จะเปิดก็ไม่กล้าเดี๋ยวผีมันจะเห็น เวรกรรมแท้ ๆ...!
อาตมาชะตาต้องกับผี ถูกหลอกมาแต่เล็ก นอนกับน้องชาย
(น้องแสงชัย) อยู่สองคนแท้ ๆ ตื่นขึ้นกลางดึกกลายเป็นห้าคน แต่ละคนพระหน่อหุ่นชวนสยองทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเรากลัว มันก็เสือกมาซะทุกคืนไอ้ผีไม่มีมารยาท...!
ไปเก็บฝรั่งมากินกัน ก็มีนายบึ้กหุ่นแรมโบ้ตัวดำเป็นเหนี่ยง แต่ดันนุ่งแดงใส่แดง แถมผ้าโพกหัวสีแดง นั่งแกว่งเท้ายิ้มฟันขาวอยู่บนต้นฝรั่ง ผลคือวิ่งกันตีนพลิก สาปส่งฝรั่งต้นนั้นไปเลย...!
ไล่ทุบไอ้ผีหัวกะโหลก ที่ดันมารู้จักเราตอนไหนก็ไม่รู้ เรียกชื่อถูกซะด้วย ทุบไปทุบมา จะล่อกบาลพี่ชายเข้าให้ หรือโดนผีนางไม้ตามบีบคอ แทบจะตกลงมาคอหักตายที่ชายแดนตาพระยา แถมเหยียบอยู่บนกบาลผีตั้งสามศพ โดยไม่รู้เรื่องสักนิดว่ายืนอยู่บนหลุมของมัน ช่างซื่อบริสุทธิ์อะไรเช่นนั้น...!
โดนเจ้าของเสียงประหลาดไม่มีตัวตน ล้อมกรอบเอาที่
หมู่บ้านทับเซียม รอดมาได้เพราะจะซัดมันด้วยเอ็ม ๑๖ ผีมันก็กลัวคนบ้าเหมือนกันนี่หว่า...นั่นโดนสมัยฆราวาส พอบวชมายิ่งเจอหนักเข้าไปอีก มันหลอกถนัดขึ้นว่าอย่างนั้นเถอะ...
รายแรกคือ
แม่ของยายแจ๋ว นังผีขี้โกงหลอกต้มกันกลางงานศพตัวเอง ถัดมาก็ป้ากุหลาบ อุทิศส่วนกุศลให้ตอนที่เผาแก กลางคืนแกตามไปขอบคุณซะแทบหัวโกร๋น ไปสวดศพที่
วัดแก่นเหล็ก อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ญาติ ๆ เมากันเละ...
หลวงพ่อพระครูวิชาญไชยคุณ วัดปากคลองมะขามเฒ่า ไม่รู้จะเทศน์ให้ใครฟัง มันเมากันทั้งศาลา เลยคุยกับผีหน้าตาเฉย ไอ้ผีก็ยืนตัวขาวโพลน พนมมือฟังเทศน์งานศพตัวเอง ต้องอย่างนี้มันถึงจะแน่...!
ไปธุดงค์ ปักกลดในป่าช้ากะเหรี่ยง ตกค่ำมันมาซะหกตัว ยังดวงดีมีเทวดาช่วย ไม่งั้นม้วยไปแล้ว แถมผีเด็กมากระโดดน้ำหลอกอีก ด้วยความโมโหที่ถูกหลอก เลยไม่อุทิศส่วนกุศลให้ ไอ้ผีแสดงฟรีไป ไม่ได้ค่าแสดงซักเก๊...!
ออกไปทางด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ก็ถูกผีหลอก มันมาขย่มโครม ๆ หลังคาแทบถล่มทลาย นอนดูมันขย่มไปเรื่อย เหนื่อยเข้ามันก็หยุดไปเอง ไม่แน่จริงนี่หว่า...ฯลฯ พวกนี้เป็นผีนอกวัด ถึงจะหลอกก็ไม่น่ากลัว ผีในวัดซิดุบรรลัยเลย...! พระในวัดโดนกันบ่อย พวกมาช่วยเข้าเวรด้วย มีรายหนึ่งไปท้าพี่แกเข้า แกมาเขย่าป้อมยามไหวทั้งหลัง ต้องหนีไปนั่งที่โบสถ์จนสว่างคาตา อีกรายถูกถีบร่อนจากชั้นบน ออกหัวออกก้อยมาตามบันไดสบายไปซิ...!
พระอาคันตุกะเป็นสังฆาธิการทั้งสิ้น มาดูงานแล้วกลางคืนเขาเจริญกรรมฐาน พระคุณท่านก็คุยไม่เลิก โดนเคาะประตูเตือนก็ไม่รู้ตัว พี่ท่านเลยเขย่าตึกเล่นมันซะเลย รุ่งเช้ามีหน้ามาถามว่า “
วัดนี้ผีดุหรือ...?”
อาตมานอนภาวนากรรมฐานที่ป้อมตะวันออก พวกมากัน ๔ – ๕ ตัว หิ้วหัวคนท้ายคน จับเราเปลี่ยนท่านอนใหม่ ยกเท้าขวาถีบมันจับเท้าขวาไว้ ถีบซ้ายมันจับซ้าย ชกขวามันจับขวา ชกซ้ายมันจับซ้าย จะทำอย่างไรดี...? อธิษฐานเตโชธาตุเผามัน มันก็หลบได้ ว่าคาถาเป่ามันยังมองเห็น เบี่ยงตัวหลบนิดเดียว แถมเยาะเย้ยซะด้วยว่า “
ไม่ถูก” แหม...เจ็บใจ จะขยับทำอะไรมันรู้ก่อนซะทั้งนั้น ทั้งผีผู้หญิงผีผู้ชาย ช่วยกันนั่งทับจากอกถึงเท้าเลย... “
บอกว่ากลัวซิ แล้วจะปล่อย...” ไม่มีทาง เอ็งจะแน่ซักแค่ไหนวะ...? สะบัดหลุด โผนเข้าชกเจ้าตัวข้างหน้าสุดแรงเกิด... “โครม” ไม่ใช่เสียงหมัดกระทบผี หากแต่เป็นเสียงอาตมาล้มตะครุบกบโครม สนั่นป้อมสะเทือนเลย...!
ไอ้ตัวข้างหลังนะซิ มันเตะตัดด้วย
ท่าเถรกวาดลาน ลุกขึ้นได้ก็ตามแก้คืน ทั้งชกทั้งเตะ ศิลปะมวยไทย ที่เรียนมาจาก
ครูเขตร์ ศรียาภัย งัดมันขึ้นมาใช้
แม่ไม้พันลำที่ไม่ค่อยได้เห็นก็ได้เห็น...! หมัด เท้า เข่า ศอก ถองกันอุตลุด ไอ้พวกนี้นกรู้ มันสู้ไม่ไหวก็ถอยไปล้อมอยู่ห่าง ๆ คอยเราเผลอ ถ้าเผลอมันอัดทันที แบบนี้ก็แย่ซิ...อาตมาเป็นคนนี่หว่า พอเหนื่อยก็เสร็จมัน...!
ถูกจับขึงพืดกดกับพื้น แล้วพวกมันยื่นหน้ามาหัวเราะเยาะ... เออ...ทีเอ็งข้าไม่ว่าทีข้าเอ็งอย่าโวยแล้วกัน วันพระมีเดือนหนึ่งตั้งสี่ครั้ง ต้องมีทีข้าบ้างละวะ...! คิดอาฆาตเอาไว้ในใจ ขณะถูกกดจนกระดิกกระเดี้ยไม่ไหว...
พอสงบสติอารมณ์ได้บ้างก็พิจารณาดู เจ้าพวกนี้ถ้าหลับตาหรือลืมตา แต่ทำไม่รู้ไม่ชี้ จะเห็นเป็นเงาหนา ดูออกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ถ้าตั้งใจดูจะมองไม่เห็น เหมือนกับมองผ่านกระจกใส ๆ อย่างนั้นแหละ...!
ดูมือที่มันกดเราไว้ ก็เป็นรูปมือดี ๆ นี่เอง แต่ถ้าเพ่งดูจะเห็นแต่ร่างกายเรา แต่ความรู้สึกชัดเจนว่ามันกดเราซะแน่นปั๋งเลย ดูตัวของมันก็เหมือนกัน ถ้าไม่ตั้งใจก็ชัด ถ้าตั้งใจดูก็มองทะลุ เห็นข้างฝาเห็นโต๊ะ – เก้าอี้แทน...
ก็ตัวเป็นเงา ๆ ทำไมมันชกเราก็เจ็บ เราเตะมันก็ถูก กระชากมือซ้ายหลุดออกมาได้ ควานไปถูกเอวผีผู้หญิง เลยคว้าซะเต็มมือ ยายนี่บ้าจี้ หัวเราะคิก ๆ น้ำหูน้ำตาไหล เนื้อมันก็นิ่ม ๆ เหมือนคนทั่วไปไม่มีผิด...! รวบรวมเรี่ยวแรงสะบัดโครม หลุดออกมาได้ เจ้าพวกนั้นรีบเผ่นออกนอกรัศมีมือเท้าทันที อาตมากำหนดสมาธิ ขีดเป็นแนวป้องกันตัว เป็นวงกลมรัศมีสักวาหนึ่ง กำหนดสติระมัดระวังตัวตลอดเวลา...
ใครว่าผีหลอกกลางคืนอย่าไปเชื่อเชียว นี่กลางวันเที่ยง ๆ มันก็เอา...ตั้งแต่นั้นมา ก็เลยมีคู่มือชั้นดีมาช่วยซ้อมมวยให้ ใคร ๆ เขาโดนแค่พักเดียว พอนึกถึงนิพพานได้เขาก็เลิกซ้อม อาตมาโดนเป็นปี ๆ นึกถึงนิพพานไม่ได้ซักที...!
ต่อมา
น้องแสงชัยบวช ตอนแรกจะเอาตั้งเดือนหนึ่ง พอครบเจ็ดวันรีบขอสึกบอกว่า “
ไม่ไหวครับ...มันเล่นไม่ให้หลับไม่ให้นอนเลย ขืนอยู่ต่อไปผมคงบ้าแน่ ๆ...” นั่นไง...นึกว่าเราจะโชคดีคนเดียว มีเพื่อนจนได้ซิน่า...!
“หลวงพ่อ” บอกว่า พวกผีที่มาหลอกนั้น ส่วนมากคือเพื่อนเก่าของเราทั้งสิ้น เขามาทดสอบกำลังใจ ถ้าใครกลัวมากเขาก็จะไม่มาแกล้งอีก หรือกลัวแล้วใจเกาะความดี คือนึกถึงพระหรือคำภาวนาได้ เขาก็เลิกแกล้งเช่นกัน...
แต่ “เพื่อนเรา” ทำไมโหดร้ายนัก...? ทั้งกลางวันกลางคืนสองพรรษาหลอกไม่เลิก ถ้าไม่ย้ายหนีซะก่อน คงจับไข้หัวโกร๋น ไม่ต้องโกนกันเลยละมั้ง...?
๑๓ เมษายน ๒๕๓๓
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ