เมื่อเราเข้าใจถูกแล้วว่าตอนแรกเราต้องเกาะดีก่อน เมื่อทำความดีจนถึงที่สุด ปัญญาของเราถึง เราก็จะปล่อยวางความดีนั้นไปเองโดยอัตโนมัติ จึงขอให้ทุกท่านตั้งหน้าตั้งตาสั่งสมในสิ่งที่เป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา ในสิ่งที่เป็นบุญ เป็นกุศล ของเราเอาไว้ เมื่อทำไปจนเต็มที่แล้ว เราจะปล่อยวางเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไปเอง
ขอให้ทุกท่านมั่นใจว่า ตราบใดที่เรายังอยู่ในกรอบของศีล ตราบนั้นเราไม่มีทางที่จะหลุดพ้นจากความดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเราได้ ยกเว้นว่าเราไปยึดมั่นถือมั่นจนเป็นสีลัพพตุปาทาน ก็แปลว่าเราอยู่ในกรอบของความดีแต่ไม่ได้ไปที่ไหน เพราะไปยึดกรอบเอาไว้ไม่ยอมปล่อยเสียแล้ว
ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจ นึกถึงลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนาของตนเอง ไม่ว่าท่านที่ได้มโนมยิทธิก็ตาม หรือว่าจับภาพพระอยู่ก็ตาม ถ้าสามารถกำหนดใจขึ้นไปกราบพระได้ ก็ให้ขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพาน ท่านที่ทำไม่ได้ก็ให้ดูลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนาของเราเอาไว้ ตั้งใจไว้ว่าเราทำความดีทั้งหมดนี้ก็เพื่อพระนิพพาน ให้ทุกคนดูลมหายใจและคำภาวนาของตนไปตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๕
(ถอดจากเสียงเป็นตัวอักษรโดยเถรีและคะน้า)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-08-2012 เมื่อ 09:14
|