กรณีศึกษา น้ำมันชาตรี บันทึกเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
อยากจะรู้ว่าความรู้สึกร้อนและเย็นตามที่หลวงพ่อกล่าวไว้เป็นอย่างไร สามวันหลังจากได้รับน้ำมันชาตรีมีโอกาสได้ทดสอบความเย็น เช้าวันนั้นผมนำน้ำมันชาตรีไปที่ทำงานตั้งใจว่าจะเอาไปให้ลูกน้องกินเห็นบ่นว่าป่วยไม่รู้สาเหตุ
ระหว่างที่เธอคุยกับเพื่อน ๆ ผมเอานิ้วชี้แตะไปที่น้ำมันชาตรีแล้วป้ายไปที่หน้าผากของเธอ "พี่เอาอะไรมาทาหน้าผากหนูนี่ เย็นชะมัดเลย" ผมงง "เย็นเยินอะไร บ้าไปแล้ว" ผมพูดไปพร้อมกับแตะน้ำมันชาตรีป้ายไปที่แขนของอ้อลูกน้องผมอีกคน "นั่นสิพี่เสือไม่เห็นเย็นอะไร ก็เหมือนน้ำมันธรรมดา" "พี่ว่าตาโร่ โม้พี่ซะแล้ว" "ไม่เชื่อใช่ไหมพี่" ตาโร่บ่นพร้อมกับเอานิ้วแตะน้ำมันชาตรีมาป้ายที่แขนผมและแขนอ้อ
เย็นเหมือนเอาน้ำแข็งมาจี้ที่แขนผม ผมมองไปที่อ้อ "เย็นจริง ๆ พี่เสือเหมือนน้ำแข็งเลย" ผมรีบเอาใบฝอยการใช้น้ำมันชาตรีมาให้ดู
ข้อสังเกต จะเป็นโรคอะไรก็ตาม เมื่อรับประทานหรือทาแล้วรู้สึกร้อน แสดงว่าน้ำมันนี้รักษาโรคนั้นไม่หาย ถ้ารับประทานหรือทาแล้วรู้สึกเย็น น้ำมันนี้รักษาโรคนั้นหาย
ผมจึงมอบน้ำมันชาตรีให้ตาโร่ให้นำกลับไปใช้จะได้หายป่วย หลังจากนั้นหนึ่งเดือนได้ข่าวว่าพ่อตาโร่ป่วยเป็นมะเร็งขั้นที่สี่และเป็นอัมพฤกษ์ ซีกขวาใช้การไม่ได้ ผมแวะไปเยี่ยมพร้อมกับนำน้ำมันชาตรีไปให้เพิ่ม
พ่อตาโร่นั่งอยู่ในรถเข็น ผมมองดูแล้วอาการน่าจะหนักเอาเรื่องระหว่างที่พูดคุยผมหยิบน้ำมันชาตรีทาที่มือพ่อตาโร่ ทาไปด้วยคุยไปด้วยระหว่างนั้นเอง ผมเห็นอะไรที่ใต้ผิวหนังของพ่อเธอไต่ขึ้นไปจากปลายนิ้วผ่านข้อพับแขนผ่านไปที่ต้นคอขึ้นไปจนถึงศีรษะ เหมือนหนังผีที่มีกิ้งกือตะขาบอยู่ใต้ผิวหนัง "ลูกเอาอะไรมาทาที่มือพ่อ รู้สึกร้อนจัง" สิ้นเสียงพ่อ ตาโร่มองมาที่ผมเป็นที่รู้กันว่าร้อนไม่หายสีหน้าเธอถอดสี หลังจากที่คุยกับพ่อเธอเสร็จ ตาโร่สอบถามผมว่าอาการของพ่อเธอเป็นอย่างไรบ้าง ผมบอกเธอไปตามความเป็นจริงว่าโรคนี้รักษาไม่หาย ที่รู้สึกได้เหมือนกับว่าพ่อเธอจะโดนไสยศาสตร์เล่นงานด้วย แนะนำให้กินน้ำมันชาตรีถึงแม้จะรักษาไม่หายก็ยังดีกว่าไม่รักษาเลย หลังจากนั้นไม่นานพ่อตาโร่ก็ถึงแก่กรรม
ครั้งนี้เป็นการเรียนรู้สิ่งหลวงพ่อฤๅษีท่านกล่าวไว้ ร้อนไม่หาย เย็นหาย เป็นเรื่องจริงหมดสิ้นความสงสัย