ดูแบบคำตอบเดียว
  #73  
เก่า 18-06-2012, 14:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,749
ได้ให้อนุโมทนา: 152,177
ได้รับอนุโมทนา 4,420,379 ครั้ง ใน 34,339 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : โดยลำดับทางพุทธศาสนาก็คือทาน ศีล สมาธิ แล้วก็ปัญญา บางคนได้ถึงฌานสมาบัติแต่ไม่บรรลุมรรคผลใด ๆ ที่เป็นขั้นอริยกุศล บางคนพระศาสนาก็รับรองไว้ว่า ถ้าได้ถวายสังฆทานไว้ ได้เป็นเจ้าภาพทอดกฐินไว้ เมื่อยังไม่สิ้นบุญที่ทำไว้ก็จะปรินิพพานเสียก่อน ทำไมทานตรงนี้ถึงมีผลมาก ทำไมฌานสมาบัติมีผลน้อยกว่า ?

ตอบ : คุณรู้ไหมว่ากว่าที่จะปรินิพพานนี่จะต้องเกิดอีกเท่าไร ? อาจจะเกิดจนนับกัปไม่ถ้วน แต่ขณะเดียวกันคนที่เขาสร้างฌานสมาบัติขึ้นมาได้ ชาติต่อไปจะมีความฉลาดมาก ถ้าหากว่าทำกรรมฐานตามจริตของตนเองได้ ดีไม่ดีก็บรรลุในชาตินั้นเลย

คุณไปจับแพะชนแกะเอง ฟังแล้วก็ไปเข้าใจว่าจะบรรลุภายในไม่กี่วัน ไม่ใช่หรอก..เขาต้องเกิดแล้วเกิดอีก เขาบอกว่าจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ชาติ กว่าจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ชาติคุณต้องเกิดอีกนานเท่าไร เพราะต้องรอช่วงโลกว่างพอดี เป็นพระมหากษัตริย์อีก ๕๐๐ ชาติ เป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ เป็นอนุเศรษฐีอีก ๕๐๐ ชาติ ถ้าเราตีเป็นชาติก็ประมาณสองสามพันชาติ แล้วกว่าเราจะได้เกิดแต่ละครั้งนั้นนานแค่ไหน ?

เราอาจจะต้องไปเสวยบุญในลักษณะอื่นก่อน เป็นพรหมเป็นเทวดา รอระยะเวลาซึ่งเนิ่นนานมาก แต่บุคคลที่ทำในส่วนอานิสงส์มากกว่า สูงกว่า อย่างเช่นท่านอินทกเทพบุตร ได้ใส่บาตรกับพระอรหันต์ ผลบุญนี้ส่งผลให้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ แล้วฟังเทศน์จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้มรรคผลไปเลย

ต้องดูว่าส่วนของบุญใหญ่ที่สร้างไว้นั้นเป็นบุญประเภทไหน แล้วระยะเวลาอีกเท่าไร สรุปว่าถ้ามีปัญญาจริง ๆ ได้เจอพระพุทธเจ้า ได้เจอพระอรหันต์ ท่านแสดงธรรมที่เหมาะสมกับจริตของตนเองก็ไปพระนิพพานได้ง่าย ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-06-2012 เมื่อ 16:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา