พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้หลักธรรม แต่พระองค์ท่านไม่ได้บอกว่าพระองค์ท่านรู้ธรรมเหล่านั้นด้วยพระองค์เอง พระองค์ท่านตรัสยืนยันว่าธรรมะทั้งหลายมีอยู่เป็นปกติแล้ว เพียงแต่ว่าพระองค์พบเห็นเข้า จึงนำมาสั่งสอนพวกเรา
บาลีท่านกล่าวว่า อุปปาทา วา ภิกขะเว ตะถาคะตานัง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระตถาคตเจ้าทั้งหลายจะอุบัติขึ้นก็ดี อะนุปปาทา วา ตะถาคะตานัง หรือพระตถาคตเจ้าทั้งหลายจะไม่อุบัติขึ้นก็ดี ฐิตา วะ สา ธาตุ สรรพสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นตั้งมั่นอยู่แล้ว ธัมมัฏฐิตะตา ธัมมะนิยามะตา ธรรมดาธรรมชาติของสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมีเป็นปกติอยู่แล้ว
สัพเพ สังขารา อะนิจจาติ สรรพสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมีความไม่เที่ยงเป็นปกติ สัพเพ สังขารา ทุกขาติ สรรพสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมีความทุกข์เป็นปกติ สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ สรรพสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นไม่สามารถยึดถือเป็นตัวตนเราเขาได้ ไม่เที่ยงเลยยึดไม่ได้
ตัง ตะถาคะโต อะภิสัมพุชฌะติ เมื่อพระตถาคตเจ้าได้รู้เห็นแล้ว อะภิสัมพุชฌิตวา อาจิกขะติ ก็ได้นำมาบอกกล่าว เทเสติ นำมาสั่งสอน ปัญญะเปติ นำมาบัญญัติ ก็คือกำหนด ปัญฐะเปติ นำมาจัดเป็นหมวดหมู่ วิวะระติ วิภะชะติ นำมาจำแนก นำมาแยกแยะ อุตตานีกะโรติ ทำของยากให้ง่าย เหมือนหงายของที่คว่ำอยู่
เมื่อเป็นดังนั้น ถ้าหากว่าเราศึกษาในเรื่องของศาสนาเปรียบเทียบ จะเห็นว่าบรรดาศาสดาต่าง ๆ มักกล่าวว่าได้รับพรหรือความรู้จากพระเจ้าบ้าง หรือบัญญัติธรรมเหล่านั้นขึ้นมาบ้าง แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ท่านรู้เองจริง ๆ แต่พระองค์ท่านกลับบอกว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมีอยู่แล้ว ไม่ใช่ของพระองค์ท่าน พระองค์ท่านเพียงแต่ไปเจอของที่มีอยู่ นำมาจัดหมวดจัดหมู่ นำมาบอกเล่าแก่พวกเรา คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกเราว่าจะฟังแล้วจะนำมาปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของตนหรือไม่ ?"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2012 เมื่อ 19:51
|