ถ้าหากว่ามัวแต่ไปคิดถึงเรื่องเก่าอยู่ก็มองไม่เห็นว่าเป็นธรรมดาของยุคนั้น ความเป็นศัตรูระหว่างเชื้อชาติก็จะไม่หมดไป ตอนอาตมาไปเขมร ไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชของเขา เขมรมีสมเด็จพระสังฆราชทั้ง ๒ นิกาย ก็คือ สมเด็จพระสังฆราชธรรมยุติ คือสมเด็จพระสังฆราชบัวคลี่ ส่วนสมเด็จพระสังฆราชมหานิกาย คือสมเด็จพระสังฆราชเทพวงษ์มีปัญหา
พอเข้าเฝ้าท่าน ทำบุญอะไรเสร็จจะลาท่านกลับ ท่านนิมนต์เข้าไปห้องข้างใน เข้าไปเฉพาะคณะของเรา ท่านบอกว่า "ถ้าไม่ใช่เป็นรัฐบาลนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ผมจะไม่รับคณะของท่านเลย" ท่านเกลียดรัฐบาลอภิสิทธิ์สุด ๆ นั่นขนาดพระสังฆราชนะ เขาไปโกรธตรงที่รบกันเรื่องเขาพระวิหาร กลายเป็นว่าขนาดนักบวชระดับพระสังฆราชยังยึดติด ปล่อยวางไม่ได้ โยมก็สะกิดยิก ๆ "อาจารย์กลับเถอะ" อาตมาบอกว่ากลับไม่ได้ งานนี้ถ้าเรื่องไม่จบนี่แพ้เขา เพราะฉะนั้น..ต้องลุยกันอยู่ตรงนั้นจนกว่าจะรู้เรื่องกัน
ถาม : รู้เรื่องไหมครับ ?
ตอบ : รู้เรื่องอยู่ แต่ว่าท่านก็ไม่ค่อยยอมฟัง ต้องชี้แจงให้ท่านฟังว่าสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไร ถ้าหลวงพ่อมีโอกาส หลวงพ่อก็เล่นผมเหมือนกัน แต่คราวนี้เขมรโดนมากกว่าเท่านั้นเอง ลองคิดดู..ถ้าหากว่าลูกของฮุนเซนไม่คิดที่จะแสดงฝีมืออวดบารมีในหมู่ทหารว่า เขาเป็นผู้นำที่กล้าหาญถึงขนาดยกทัพมาตีกับไทย แล้วเรื่องจะเกิดไหม ? ต้องดูทั้งสองฝ่ายไม่ใช่ดูแค่ฝ่ายเดียว
ในเมื่อฝ่ายนั้นเขาอยากอวดศักดานุภาพเพราะพ่อเพิ่งตั้งเป็นนายพลใหม่ ๆ ก็ไม่มีอะไรนอกจากหาเรื่องมารบกับไทย คราวนี้ยุทโธปกรณ์ของไทยดีกว่าตั้งหลายเท่า เอาคืนไปก็ทั้งเจ็บทั้งตายกันเยอะแยะ เขาก็เอาไปปลุกระดมหวังผลทางการเมือง คือ ทำให้ชาวบ้านเขารวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว สนับสนุนรัฐบาลว่าโดนไทยรังแก เรื่องของการเมืองเขาเล่นวิธีกันทั้งนั้นแหละ คือใช้วิธีช่วงชิงกระแสชาวบ้านให้มาสนับสนุนตนเอง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-06-2012 เมื่อ 17:08
|