ถาม : ในกรณีที่พระยืมเงินฆราวาสหรือยืมเงินพระด้วยกัน แล้วมีการรับปากว่าจะใช้หนี้ ปรากฏว่าหายไปไม่ได้ติดต่อกัน ตรงนี้จะเป็นอย่างไร ?
ตอบ : ถ้าหากท่านเจตนาโกง แต่ญาติโยมยังไม่ทอดธุระ คือ ยังติดตามอยู่ ท่านยังไม่โดนอาบัติ แต่ถ้าหากญาติโยมทอดธุระ ตัดใจว่าไม่เอาแล้ว ถ้าเกินแม้แต่หนึ่งบาท ก็ต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระไปเลย
จริง ๆ แล้วพระไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินขนาดนั้น แต่ก็แปลกใจที่มีการกู้ยืมอยู่ตลอดมา อาตมาไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษีไม่นาน ก็มีคนมาขอกู้เงิน รายแรกเป็นผู้ใหญ่บ้าน รายถัดไปเป็นเจ้าแม่เงินกู้อยู่แถว ๆ นั้น เขาจะเอาเงินไปปล่อยให้ชาวบ้าน เขาบอกไว้เสร็จสรรพเลย จะเอาไปปล่อยร้อยละ ๗ เขาจะให้อาตมาร้อยละ ๓ ก็บอกเขาไปว่าให้กู้ไม่ได้หรอก เป็นพระแล้วมาปล่อยเงินกู้ได้อย่างไร เขาบอกว่าพระนี่แหละที่หนูยืมมาเยอะแล้ว..!
ตั้งแต่นั้นมาใครมาขอกู้เงิน อาตมาไม่เคยปฏิเสธเลย มาเลยจะเอาเท่าไร ทำสัญญามาเลย คิดดอกร้อยละ ๑๒๐ หักดอกไว้เลย ปรากฏว่าไม่เห็นมีใครมาเอาสักคน..! ถ้าเขายืมเราสักหมื่นหนึ่ง เราก็ได้หมื่นสองแถมเขายังต้องติดหนี้เราอีกหมื่นหนึ่งด้วย
ไม่อยากปฏิเสธเดี๋ยวเสียน้ำใจ ยินดีให้กู้ทุกราย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2011 เมื่อ 17:00
|