เราจะเห็นในเรื่องบารมีของพระองค์ท่านชัด ๆ ก็คือ ทุกคนฝึกซ้อมการรับพระราชทานมาอย่างดี พอเข้าไปอยู่ตรงหน้าพระพักตร์แล้วส่วนใหญ่ลืมหมด ฝึกกันมาอย่างดี ซ้อมแล้วซ้อมอีก พอไปอยู่ตรงหน้าก็ลืมหมด ไม่ว่าจะเป็นทหาร ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ
อย่างพระเวลารับพระราชทาน สมเด็จพระเทพฯ ประทับยืนอยู่กับที่ พระเป็นฝ่ายเดินเข้าไป แล้วก็จับผ้ารับประเคน พอพระองค์พระราชทานวางเสาเสมาธรรมจักรลงบนผ้า พระก็ปล่อยผ้ารับประเคน ใช้มือขวาจับเสาเสมาธรรมจักรแล้วยกขึ้น ใช้มือซ้ายช่วยประคอง แล้วหมุนตัวไปทางขวา เดินกลับไปยังแถวที่นั่งตามเดิม แต่ส่วนใหญ่ทำผิดหมด พอไปอยู่ต่อหน้าพระองค์ท่านแล้วประหม่า หลวงพ่อบางรูปยืนเฉย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ต้องเตือนว่าให้จับผ้ารับประเคนถึงนึกได้ ตอนนั้นท่านคงมืดไปหมด นึกไม่ออกว่าจะทำอะไร
มีโยมคนหนึ่งเป็นฝรั่งผู้หญิง ตัวสูงยาวมากเลย น่าจะทำเกี่ยวกับการแปลหนังสือพระไตรปิฎกเป็นภาษาอังกฤษ คนอื่นเขาถอนสายบัวเสร็จก็คุกเข่ารับ แต่ฝรั่งคนนี้คุกเข่าไม่เป็น ก็เลยโก้งโค้งรับท่าประหลาด ๆ อยู่คนเดียว อาตมาดูจากจอโทรทัศน์ เห็นพระองค์ท่านทรงยิ้ม ถือว่าอภัยให้เขาไป เพราะเขาไม่เป็นจริง ๆ
ขนาดเด็ก ๆ ที่ชนะเลิศการประกวดสวดหมู่ทำนองสรภัญญะ ไม่มีใครทำท่าเหมือนกันสักคน ทั้ง ๆ ที่หัดมาอย่างดีเลย พอไปอยู่ต่อหน้าพระองค์ท่านแล้วไปกันคนละทิศคนละทาง โดยเฉพาะตอนซ้อม พระเจ้าหน้าที่กำชับเด็กทุกคนให้ “ถอนสายบัวอย่างอ่อนโยน” อาตมาฟังแล้วจะบ้าตาย...อ่อนโยนเด็ก ๆ ถอนไม่เป็นหรอก ถ้าอ่อนช้อยก็พอได้ รับรองได้ว่าเด็กชุดนี้จะต้องจำว่า หลวงพ่อให้ถอนสายบัวแบบอ่อนโยน คงเอาไปสอนลูกสอนหลานด้วย บรรลัยกันหมด..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-06-2012 เมื่อ 10:19
|