ดูแบบคำตอบเดียว
  #7  
เก่า 04-06-2012, 14:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,567 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การที่เราจะมีปัญญาพิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริงนั้น องค์สมเด็จพระภควันต์กล่าวว่า เราต้องเริ่มต้นมีศีลทุกสิกขาบทบริสุทธิ์ อย่างเช่น เมื่อครู่นี้มัคคนายกได้กล่าวอาราธนาศีล ทุกท่านอาราธนาศีลและสมาทานศีลไปเรียบร้อยแล้ว แปลว่าเราทุกคนมีศีลบริสุทธิ์ เราก็ระมัดระวังรักษา อย่าทำให้ศีลขาดด้วยตัวเอง อย่ายุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นทำศีลขาด และอย่ายินดีเมื่อผู้อื่นทำศีลขาด

ถ้าเราสามารถหักห้ามใจตนเองได้ ไม่ทำให้ศีลขาดด้วยตนเอง ไม่ยุให้คนอื่นทำ และไม่ยินดีเห็นเมื่อคนอื่นทำ ก็แปลว่า สติ สมาธิ ของเราทรงตัว มีกำลังแล้ว เราก็สามารถที่จะปฏิบัติในสมาธิได้ง่าย

ในเมื่อเราปฏิบัติจนสมาธิมีกำลัง สามารถระงับยับยั้งตนเองได้ ไม่ให้ไฟโลภะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ และไฟราคะ มีอำนาจเหนือจิตใจของเรา ก็เหมือนกับเราสามารถหยุดรถไว้ที่ริมเหว ไม่ให้รถถลำตกเหวไปได้ ถ้าหากว่าศีลของเรา สมาธิของเรามีกำลังขนาดนี้แล้ว เราก็สามารถที่จะใช้ปัญญาพิจารณาได้ เพราะว่าเรามีสติรู้เท่าทัน หยุดอยู่ได้ ก็เหลืออย่างเดียวคือทำลายกิเลสเหล่านี้ให้สิ้นไป

เมื่อเราพิจารณาเห็นแล้วว่า มนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนาม เกิดขึ้นในเบื้องต้น แปรปรวนในท่ามกลาง แตกดับไปในที่สุด ระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่ก็ประกอบไปด้วยความทุกข์อยู่ทุกขณะจิต ต้องเหนื่อยยากทำมาหากิน ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนหลับตาลงไป มีแต่ความทุกข์อยู่ตลอดเวลา ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีสภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เต็มไปด้วยความสกปรก เต็มไปด้วยความหิวกระหาย เต็มไปด้วยความเจ็บไข้ได้ป่วยเช่นนี้ เราไม่พึงปรารถนาอีก เราต้องการอย่างเดียวคือพระนิพพาน

ถ้าท่านทั้งหลายมีปัญญาถึงระดับนี้ แปลว่าท่านเริ่มระงับดับไฟโมหะลงได้แล้ว ถ้าหากว่าก้าวมาถึงระดับนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นไฟโลภะ ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ ก็จะทำอันตรายท่านได้น้อยอย่างยิ่ง จนกระทั่งท่านสั่งสมบารมีได้พอเพียง สามารถชำระจิตใจของตนให้ผ่องใสจากอำนาจของกิเลสทั้งปวงได้ ท่านก็จะดับไฟทั้ง ๔ กองนี้ลงได้อย่างเด็ดขาดและสิ้นเชิง ความสงบร่มเย็นอย่างแท้จริงก็จะเกิดขึ้นทั้งร่างกายกายและภายในจิตใจของท่านด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2012 เมื่อ 16:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา