พระอาจารย์กล่าวว่า "แม่ชีสุอุตส่าห์ไปเรียนถักเชือกสร้างสมาธิกับพระทิเบต ท่านสอนมาว่า เรื่องของการทำวัตถุมงคลก็คือลักษณะอย่างนี้ ทำไปภาวนาไป เป็นการจับอิริยาบถและสัมปชัญญะ คนไม่รู้ก็ไปตำหนิว่านั่งทำอะไรกันทั้งวัน
หลวงปู่กินรีเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง หลวงปู่สอนให้ลูกศิษย์นั่งภาวนา นั่งภาวนาไปทั้งวัน แต่หลวงปู่กินรีไม่นั่งกับใครเลย ท่านไปกวาดวัด เย็บผ้า เหลาไม้กลด หลวงพ่อชาทนไม่ไหว “ไม่เห็นหลวงพ่อนั่งภาวนาบ้างเลย ให้แต่พวกผมภาวนา ?” หลวงปู่บอกว่า “คนฉลาดทำอะไรก็ภาวนาได้ แต่พวกคุณยังไม่ถนัดอย่างนั้น ต้องไปนั่งภาวนาอย่างเป็นทางการไปก่อน เมื่อคล่องตัวแล้วจะทำอะไรใส่สติลงไปด้วยก็เป็นการภาวนานั่นเอง”
ต่อมาหลวงพ่อชาก็รำคาญใจอีกแล้ว หลวงปู่บอกให้ฉันอาหารอย่างช้า ๆ เคี้ยวอย่างมีสติ อย่าตกเป็นทาสของรสอาหาร แต่หลวงปู่กินรีจ้วงไม่ยั้ง หลวงพ่อชาก็อดรนทนไม่ได้ วันพระต่อไปก็ถาม “หลวงพ่อให้พวกผมฉันช้า ๆ ทำไมหลวงพ่อถึงฉันเร็ว ?” ท่านบอกว่า “คนขับรถเร็วแล้วปลอดภัยก็มี” จบเลย
ของท่านอยู่ตัวแล้ว แต่พระใหม่ยังไม่อยู่ตัว ถ้าเผลอเมื่อไรจิตจะไปยินดีในรสอาหาร ต้องฉันช้า ๆ พยายามให้ใจเป็นอุเบกขา ได้รสที่ชอบก็ไม่ดีใจ ได้รสที่ไม่ชอบก็ไม่เสียใจ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 17:48
|