เรื่องของการสวดปาติโมกข์มีอานิสงส์สำคัญมาก สมัยก่อนนั้นมีพระเก่า ๆ ที่อยู่วัดท่าซุงมา ก่อนที่สมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อจะไปเป็นเจ้าอาวาส ก็คือหลวงตาผ่องกับหลวงตานา ท่านทั้งสองอยู่มาตั้งแต่สมัยเจ้าอาวาสรูปเก่า ก็คือพระครูสังฆรักษ์อรุณ อรุโณ
หลวงตานาท่านสวดปาติโมกข์คล่องมาก ออกท่าออกทาง เสียงกระทุ้งเข้าจังหวะมันมาก สวดปาติโมกข์ได้เร็ว พระก็ชอบใจเพราะไม่ต้องนั่งนาน แต่หลวงตานาก็ได้แต่สวดปาติโมกข์ทวนศีลให้คนอื่น เพราะว่าพอตกเย็นหลวงตานาก็ฉันกาแฟเย็น กาแฟเย็นของท่านนี่แอบหยอด ๔๐ ดีกรีลงไปด้วย พูดง่าย ๆ ว่า หลวงตานาเมาทุกเย็น
ก่อนหลวงตานามรณภาพ หลวงตาป่วยหนัก กลับไปรักษาตัวที่บ้าน ญาติพี่น้องเห็นว่าไม่ไหว ก็นิมนต์พระไปสวดต่อนาม สวดต่อนามคือต่ออายุ หลวงตานาพอเห็นพระมาสวด ท่านก็พนมมือน้ำตาไหล คงคิดถึงว่าตัวเองเป็นพระ แต่ก็ไม่ได้เป็นพระบริบูรณ์เหมือนเพื่อนพ้องน้องพี่ เพราะอดเหล้าไม่ได้ ตอนเย็น ๆ ก็ต้องสั่งกาแฟเย็น แล้วก็แอบหยอดเหล้าลงไป
หลังจากหลวงตานามรณภาพไป ๒ วัน พระเข้าไปกราบถามหลวงพ่อว่า "หลวงตานาไปอยู่ขุมไหนครับ ?" หลวงพ่อท่านบอกว่า “เฮ้ย..แกรอด” อาตมาก็แปลกใจว่าฉันเหล้าทุกวัน ท่านจะรอดได้อย่างไร ? หลวงพ่อท่านบอกว่า หลวงตานาได้อานิสงส์ของการสวดปาติโมกข์ช่วยไว้ การสวดปาติโมกข์สมาธิต้องดี ไม่เช่นนั้นจะสวดไม่ได้หรือสวดผิด และโดยเฉพาะว่าท่านช่วยทวนศีลให้กับพระพี่พระน้องทุกวันพระใหญ่ ได้อานิสงส์ตรงนี้ช่วยเอาไว้ เลยรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
โดยเฉพาะตอนที่พระไปสวดต่อนาม หลวงตานาเห็นพระแล้วน้ำตาไหล นึกถึงพระเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง ตายก็เลยไปดี ดังนั้น..บุคคลที่จะสวดปาติโมกข์ได้ ต้องมีบุญญาบารมีไม่ใช่น้อย ต้องเคยทำมาทางด้านนี้ด้วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2013 เมื่อ 17:28
|