ดูแบบคำตอบเดียว
  #66  
เก่า 20-04-2012, 09:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,700
ได้ให้อนุโมทนา: 152,038
ได้รับอนุโมทนา 4,418,308 ครั้ง ใน 34,290 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าถึงชื่อเก่าของแต่ละจังหวัดว่า "สมัยแรก ๆ ที่อาตมาไปวัดท่าซุง ที่พักของโยม คือ ศาลาธรรมสถิตย์ โยมเข้ามาพักกันเป็นคณะ ห้องหนึ่ง ๒๕ – ๓๐ คน หลวงพ่อท่านร่างกายยังแข็งแรงอยู่ เย็น ๆ จึงลงไปเยี่ยมญาติโยมที่มาทำบุญ ชวนโยมคุย

โยมเขามาคณะเดียวกัน หลวงพ่อถามโยมคนแรกว่า "มาจากไหน ?" "มาจากโคราชเจ้าค่ะ" "แล้วของโยมล่ะ ?" "มาจากนครราชสีมา" "มาคนละจังหวัดได้ ไหนบอกคณะเดียวกัน" บางทีเพราะความเคยชิน เขาไปเรียกชื่อเก่าเมืองเก่า อย่างสระบุรีสมัยก่อนเรียกปากเพรียว ปทุมธานีเรียกสามโคก นครปฐมยังเป็นนครชัยศรีอยู่ สมุทรปราการก็เป็นพระประแดง

เวลาไปเรียกชื่อเก่าเข้า คนรุ่นหลัง ๆ บางทีไม่รู้จัก อย่างที่เขาว่า "..พระพุทธเจ้าหลวงบำรุงซึ่งกรุงศรี ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว.." เปลี่ยนจากสามโคกเป็นปทุมธานี สมัยก่อนที่ชื่อสามโคกเพราะว่าพวกบรรดามอญที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ในหลวงรัชกาลที่ ๑ ให้ไปอยู่ในบริเวณที่เรียกว่าสามโคก ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้ชื่อสามโคกหรอก ตรงนั้นเป็นทุ่งนากับป่าละเมาะ เหมาะที่จะทำไร่ทำนา

แต่พวกมอญมีฝีมือในการเผาอิฐแล้วก็ทำภาชนะด้วยดินเผา เขาก็เลยก่อเตาเผาขึ้นมา ทำไปทำมาขายดี เพราะว่าคนไทยทำได้ไม่ดีเหมือนของคนมอญ ในเมื่อขายดีก็ขยายใหญ่ขึ้น มีเตาที่ ๒ เตาที่ ๓ คราวนี้เตาใหญ่ขึ้น เวลาทิ้งร้าง ต้นไม้ใบหญ้าขึ้นคลุมก็กลายเป็นเนินใหญ่ เขาเลยเรียกโคก จะผ่านไปตรงนั้นพอคนเขาถามว่าไปไหน ? "ไปทางสามโคก" ไป ๆ มา ๆ ชื่อก็เลยกลายเป็นเมืองสามโคก ชื่อบ้านนามเมืองเขามีที่มา แต่ส่วนใหญ่แล้วเราจะไม่รู้จักชื่อเก่ากัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-04-2012 เมื่อ 10:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา