พระอาจารย์กล่าวว่า "เวลาอาตมาไปกรุงเทพฯ ชอบนั่งรถแท็กซี่ไป เพื่อนพระหลายคนเขาว่าอาตมาเพี้ยน มีรถดี ๆ ไม่รู้จักใช้ อาตมาก็ต้องแยกแยะให้ฟังว่า ไม่ว่ารถแท็กซี่หรือว่ารถส่วนตัวก็ตาม ประการแรก...ค่าเชื้อเพลิงและค่ารถใช้ใกล้เคียงกัน ประการที่ ๒ ถ้าใช้รถส่วนตัวต้องห่วงคนขับอีก ๑ คน ว่าถ้าเราไปงานของเรา แล้วเขาจะอยู่อย่างไร จะกินอย่างไร
ประการที่ ๓ ที่จอดรถในกรุงเทพฯ หายากมาก ถ้าขึ้นแท็กซี่ ลงได้ก็สะบัดก้นไปเลย ตัวใครตัวมัน แต่ถ้าเป็นรถส่วนตัว หาที่จอดไม่ได้แล้วไปจอดในที่ห้าม ก็อาจจะจ่ายค่าจอดแพงเป็นพิเศษ ประการสุดท้าย..เอารถของตัวเองออกไป ถ้าเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนอะไรขึ้นมา ค่าใช้จ่ายอาจจะมหาศาลกว่าที่คิด
ดังนั้น..เวลาเดินทางในกรุงเทพฯ อาตมามักจะไปรถโดยสาร หรือรถอะไรก็ได้ ยิ่งถ้าได้เกาะมอเตอร์ไซค์วันไหนจะมีความสุขมากเป็นพิเศษ
ถ้าหากว่าญาติโยมมาที่บ้านวิริยบารมีแล้ว รถแท็กซี่น่าจะสะดวก แต่ถ้ารอว่าสถานีรถไฟฟ้าเสร็จ ก็จะเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น เพราะว่าบ้านหลังนี้สร้างขึ้นมาบนพื้นที่ซึ่งราคาแพงมาก เนื่องจากว่าเขารู้ว่าสถานีรถไฟฟ้าจะลงตรงจุดนี้ แต่ว่าที่ยอมจ่ายแพงก็เพื่อความสะดวกในการเดินทางของญาติโยมในอนาคต
ต่อไปถ้าใครยังนำรถส่วนตัวมา ก็ด้วยสาเหตุ ๒ ประการ ประการแรก ก็คือ ใช้รถโดยสารสาธารณะไม่เป็นจริง ๆ ประการที่ ๒ ก็คือไม่กลัวลำบาก เพราะว่าที่นี่หาที่จอดรถยากมาก สถานที่ซึ่งเห็นว่าจอดสะดวก มักจะเป็นจังหวะที่รถเขาจะต้องเลี้ยว จะต้องเข้าออก พอเราไปจอดขวางเสียคันหนึ่ง คันอื่นก็หมดสิทธิ์ที่จะไปเลย อย่างเช่น ท่านที่นำรถมอเตอร์ไซค์มา มักจะจอดแอบตรงมุมเสาไฟฟ้า แต่ว่ามุมที่จอดแอบนั่นแหละ เป็นมุมที่รถเขาจะต้องตีวงเข้าซอย เขาก็จะต้องขยับแล้วขยับอีก นั่นนับว่ายังดี..ถ้าวันไหนเขาเกิดอารมณ์เสียขึ้นมา ก็คงปาดกลิ้งไปเลย..!
ที่ประกาศบอกกับญาติโยมก็เพื่อให้ทราบไว้ว่า ถ้าจอดแล้วไม่มีปัญหาเขาไม่ว่าอะไรหรอก แต่ถ้าเขาว่าแปลว่ามีปัญหาแน่ ๆ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2012 เมื่อ 13:55
|