"สัพพะปาเสหิ พ้นจากบ่วงทั้งปวงแล้ว สัพพะคือทั้งหลาย ปาสะก็คือบ่วง ที่เราเรียกบ่วงบาศ บาลีเป็นตัว ป พอมาเป็นไทยใช้ บ ที่เราเรียกหัตถบาส ฉะนั้น..เห็นความอาจหาญ กล้าทำในสิ่งที่ดีเพื่อประโยชน์คนอื่นล้วน ๆ เลย ไม่ได้เพื่อประโยชน์ของพระองค์ท่านเองเลย พหุชะนะหิตายะ พหุชะนะสุขายะ เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขของชนหมู่มาก
โลกานุกัมปายะ เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก อัตถายะ หิตายะ เทวะมะนุสสานัง เพื่อประโยชน์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ลำพังพระองค์ท่านเองพ้นแล้ว จะไปนอนตีพุงเฉย ๆ ก็ได้ แต่ว่าด้วยความเมตตากรุณาที่มีอยู่ ก็ยอมเหนื่อยยากทนสั่งสอนพวกเรามา
คราวนี้พวกเรามีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้อยู่ในช่วงที่พระธรรมของพระองค์ท่านยังสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ ควรจะรีบตักตวงกอบโกยความดีให้มากที่สุด ไม่ใช่ปล่อยให้เวลาล่วงพ้นไปวันหนึ่ง ๆ ปฏิบัติธรรมไป ฟุ้งซ่านแค่ไหนก็ให้รู้ว่าเราฟุ้ง ควบคุมความฟุ้งซ่านไว้อย่าให้หลุดกรอบของศีลก็ใช้ได้แล้ว เพราะถ้าเรายังมีสติรู้ ควบคุมตัวเองอยู่ ตัวกามาวจรจิตมหากุศลจะเกิดขึ้นจากสตินั่นเอง
ชั่วให้รู้ว่าชั่ว ระมัดระวังไว้อย่าให้หลุดออกมาเป็นกายกรรม วจีกรรม ดีให้รู้ว่าดี พยายามสร้างกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมให้เจริญขึ้นไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวพอความดีมากขึ้น ๆ ก็จะกลบกลืนความชั่วไปเอง เหมือนกับเติมน้ำสะอาดไปเรื่อย เดี๋ยวน้ำเกลือก็จางลง ๆ ต่อให้มีเกลือปนอยู่ก็ไม่รู้แล้วว่าเป็นรสของเกลือ
เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าเราสร้างความดีมากขึ้น ๆ ความชั่วไม่มีโอกาสโต เดี๋ยวก็โดนเบียดเฉาตายไปเอง ถ้าหากทำแล้วรู้ว่าเราชั่วถือว่ามาถูกทาง ถ้าหากมาไม่ถูกทางก็เห็นว่าตัวเองดี เพราะฉะนั้น..ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำต่อไป พยายามลด ละ เลิกให้ความชั่วเหลือน้อยลง ๆ ท้ายที่สุดก็จะหมดไปเอง สำคัญที่ต้องสู้จริง ๆ
พระองค์ท่านอุตส่าห์เหนื่อยยากสั่งสอน เพราะประโยชน์ เพราะความสุขของเราแท้ ๆ เราเองที่เป็นผู้รับคำสั่งสอนนั้นมาปฏิบัติ ถ้าไม่ยอมทำเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขของตัวเองก็ถือว่าเสียชาติเกิด..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-03-2012 เมื่อ 19:19
|