ถาม : แต่ความจริงการขอบารมีพระ ตั้งแต่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนมา ท่านก็ไม่ได้ปกปิดเป็นความลับอะไรเลยนี่ครับ ?
ตอบ : คนอาจจะรู้วิธีมากขึ้น แต่คนที่รู้วิธีแล้วขอได้ถูกต้องกลับมีน้อยลง
ถาม : ยากหรือครับ ?
ตอบ : เหมือนกับคุณไปขอในหลวงให้เสด็จฯ
ถาม : อ๋อ..รู้ว่าขอได้ แต่จะขออย่างไร ?
ตอบ : จะขออย่างไรให้ท่านเสด็จฯ แบบเดียวกับสมัยอาตมาอยู่วัดท่าซุง ไปขอหลวงพ่อออกธุดงค์ ขอทีไรได้ทุกที คนอื่นไปขอนี่หัวหดกลับมา ไม่ได้สักคน ขึ้นอยู่กับการใช้คำพูดนิดเดียว
อาตมามอบความไว้วางใจว่า ไม่ว่าจะไปทำอะไรที่ไหน พระเดชพระคุณหลวงพ่อรู้ทุกเรื่องอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเข้าไปถึงส่งใบลาก็ “หลวงพ่อครับ..ผมขออนุญาตไปกาญจนบุรี ๑๐ วันครับ” ท่านก็ “เออ..ไปเถอะ” บางทีก็ “หลวงพ่อครับ..ผมขออนุญาตไปอุทัยธานี ๑๕ วันครับ” ท่านก็ “เออ..ไปเถอะ” ก็แค่นั้น
คนอื่นเข้าถึงส่งใบลาแล้วบอกว่า “หลวงพ่อครับ..ขออนุญาตไปธุดงค์ ๑๕ วันครับ” หลวงพ่อท่านก็พูดเสียงเข้มว่า “แกแน่ใจแล้วนะ ?” เรียบร้อย..หงายท้องตึงกลับมา คนหนึ่งขอไปธุดงค์ คนหนึ่งขอไปเฉย ๆ แต่หอบอะไรต่อมิอะไรออกไปธุดงค์ จนกระทั่งเป็นที่อิจฉามารศรีของพระพี่พระน้อง ว่าทำไมอาตมาขอทีไรได้ทุกที อยู่ที่ใช้คำพูดนิดเดียว แล้วท่านก็รู้ กลับมาท่านก็ถามทุกทีแหละ “แกไปตรงนั้นตรงนี้มาใช่ไหม ?” ไม่ต้องไปเถียงเลย ถูกต้องทุกครั้ง
ถาม : แล้วตอนนี้ถ้าพระที่วัดท่าขนุนไปธุดงค์ ท่านจะรู้ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่อยากรู้หรอก แต่เขาพยายามจะให้รู้ เตือนเขาอย่างหนึ่งว่า “ที่ต้องไปแล้วบอกครูบาอาจารย์เพราะว่าบางสถานที่ พวกคุณจะเอาตัวไม่รอด ครูบาอาจารย์ส่งใจไปล่วงหน้า อุทิศส่วนกุศลให้เขาแถวนั้นซะจนทั่วแล้ว ฝากท่านว่าถ้าลูกศิษย์ผมมาช่วยดูแลให้ด้วย คุณไปถึงก็นอนตีพุงสบายใจเฉิบ ลำพังคุณไปเองอาจจะโดนตื้บกลับมา..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 25-03-2012 เมื่อ 22:44
|