พระอาจารย์กล่าวถึงงานพุทธาภิเษกที่วัดเขาวงว่า "พออาตมาไปถึง หลวงตาวัชรชัยก็ส่งไมค์ให้ เอ้า..เล็ก..ช่วยเชียร์น้ำมนต์ให้หน่อย ทำอย่างกับอาตมาเป็นเด็กเชียร์เบียร์ไปได้ (หัวเราะ)
โอกาสที่พี่น้องจะไปรวมกันแบบนั้นจะยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะแต่ละคนมีภารกิจ ยกเว้นว่าจะกำหนดล่วงหน้าเป็นงานประเพณีเฉพาะไปเลย ถ้าอย่างนั้นจะกำหนดวันล่วงหน้าได้ อย่างงานวันแม่ ๑๒ สิงหาคมของวัดท่าขนุน พี่ ๆ เขามักจะไปกันไม่ได้ เพราะวัดที่เป็นสำนักปฏิบัติธรรมต้องจัดงานกันทั้งนั้น อย่างวัดท่าซุง วัดเขาวง วัดศาลพันท้ายฯ ถึงเวลาก็ต้องจัดงานของตัวเอง ไปงานวัดท่าขนุนไม่ได้
พี่ ๆ แต่ละคนนี่เหลือเกินจริง ๆ เวลาพุทธาภิเษกก็นั่งรออาตมาเลย ปล่อยให้อาจารย์เล็กนำไปเถอะ ส่วนตนเองนั่งเชียร์ พอเสร็จพิธีเรียบร้อยเมื่อไร ก็รอดตายไปที
เคยได้ยินภาษิตจีนไหม ที่บอกว่า "เมื่อขึ้นมาจากน้ำไยต้องกลัวเปียกฝน" หรือไม่ก็ "คนอยู่ในยุทธจักรไม่เป็นตัวของตัวเอง" งานอย่างนี้ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมาถึง ในเมื่อไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมาถึง ก็โดดใส่งานเสียแต่แรกก็หมดเรื่อง จะเสียเวลาไปหลบไปหนีทำไม ประเภทหนีจนแทบล้มประดาตายแล้วในที่สุดก็เสร็จจนได้นี่เสียชื่อ วิ่งใส่เสียแต่แรกให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าใครจะอยู่ใครจะไป
บางท่านก็กลัวว่ามางานอย่างนี้แล้วต่อไปจะเสียความเป็นส่วนตัว เพราะคนจะรู้จักเยอะ นั่นไม่ใช่..ความเป็นส่วนตัวขึ้นอยู่กับเรา ถ้าความโหดเพียงพอก็จะไม่เสียความเป็นส่วนตัว ใครโผล่มาผิดจังหวะก็งับหัวให้ เดี๋ยวเขาก็ถอยไปเอง
ในเมื่อมาเป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเป็นส่วนหนึ่งของลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง ก็เท่ากับเป็นบุคคลในยุทธจักร ต่อให้คุณต้องการความสงบขนาดไหน อย่างไรก็หาความเป็นตัวของตัวเองยาก ในฐานะที่เกิดมาจากวัดท่าซุงก็เหมือนกับอยู่ในน้ำแล้ว ในเมื่อขึ้นมาจากน้ำเปียกโชกไปทั้งตัวแล้วจะไปกลัวฝนทำไม ? ว่าแล้วก็เดินลุยไปเลย เพราะฉะนั้น..ภาษิตจีนนี่มีความหมายลึกซึ้งนะ ขึ้นมาจากน้ำแล้วไยต้องไปกลัวเปียกฝน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2012 เมื่อ 02:43
|