"คำว่า กราย ใช้ ร.เรือ ควบกล้ำ แปลว่า ผ่าน ใกล้ กระทบ เช่น “กรายหัวข้าเฝ้าเข้ามา ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าธานี” คือเดินเฉียดหัวเข้ามาเลย อันนั้นคือมาตุลีเทพบุตรแปลงเป็นพลถือสารเข้าไปหาท้าวสามล
ในสารว่าองค์พระทรงเดช.............. มงกุฎเกศกษัตริย์เป็นใหญ่
ยกทัพมาประชิดติดเวียงชัย............มิใช่จะณรงค์สงคราม
ขอให้ท้าวสามลคนดี...................มาตีคลีพนันในสนาม
จะได้มีชื่อยศปรากฏนาม.................ให้ชีพราหมณ์ราชครูดูเป็นกลาง
แม้เราแพ้แก่ท่านในการเล่น..............จะยอมเป็นเมืองขึ้นไม่ขัดขวาง
เราชนะจะริบไม่ละวาง...................สาวสรรกำนัลนางเป็นของเรา
แม้วันนี้มิออกมาเล่นคลี..................จะเข้าตีกรุงไกรเอาไฟเผา
ท้าวสามลแม้รู้อย่าดูเบา................จะวอดวายตายเปล่าทั้งเวียงชัย
เรียกว่าทั้งปลอบทั้งขู่เลย แล้วไปตีคลีกับพระอินทร์ ใช่ว่าหน้าไหนจะชนะได้ เท่ากับว่าวางหมากให้อย่างไรก็ต้องออกไปเจอสังข์ทองจนได้ นั่นแหละมาตุลีเทพบุตร เดินเฉียดหัวบรรดาเสวกามาตย์ข้าราชบริพารเข้าไปเลย
จริง ๆ แล้วสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรานั้น ต้องบอกว่าเปิดกว้างมาตั้งแต่โบราณ ทั้งที่มีกฎมณเฑียรบาลบังคับอยู่ ยังเปิดกว้างทางวรรณคดี อย่างเรื่องสังข์ทองสถาบันพระมหากษัตริย์กลายเป็นตัวตลกไปเลย เพราะฉะนั้น..พวกที่จะมาแก้กฎหมายไม่ต้องมาแก้ให้เสียเวลาหรอก เขาระบายอารมณ์กันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 25-02-2012 เมื่อ 14:32
|