พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยที่อาตมารบกับพวกเรือหาปลาหน้าวัดท่าซุง ช่วงแรก ๆ เขาก็ลงตาข่าย ตาข่ายผืนหนึ่งกว้าง ๒ เมตร ยาว ๑๒๐ เมตร เขาขึงตาข่ายเป็นรูปตัว z ขวางคลองเลย คนละ ๓ ชุด แล้วปลาจะเหลือไหมแบบนั้น ?
พอเขาเห็นว่าเราจับได้ไล่ทัน เห็นว่าเอาจริงแน่ เขาก็เปลี่ยนไปลงเบ็ดราวแทน ถ้าเขาลงเบ็ดราวตรงฝั่งเราเลย เราก็จะเห็น เขาจึงไปลงตรงข้างโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา ปักหลักแล้วผูกเบ็ด พายเรือข้ามไปฝั่งเขา แล้วก็โรยเบ็ดไล่ไปเรื่อยจนกระทั่งไปถึงหน้าวัดยาง แล้วเขาก็พายข้ามมาฝั่งนี้ พอดึงสายตึงก็จะอยู่ในเขตวัดพอดีเลย
พอเราจับได้ไล่ทันอีกเขาก็เปลี่ยนวิธีใหม่ ใช้วิธีเอาแต่เบ็ดตัวเดียวพร้อมกับเหยื่อ แล้วก็ผูกไว้กับกอสวะ จะมีเศษพลาสติกผูกไว้หน่อยให้เป็นเครื่องหมายว่าอยู่ตรงนี้ เราจะไปเห็นก็ตอนที่กอสวะโดนปลาดึงยวบ ๆ เพราะปลาติดเบ็ดแล้ว
พอจับได้ไล่ทัน เก็บขึ้นมาหมด เขาก็เปลี่ยนวิธีใหม่อีก เอาขวดน้ำผูกเบ็ดพร้อมกับเหยื่อ แล้วปล่อยลอยผ่านหน้าวัด พอปลากินติดเบ็ดก็ลอยไปเรื่อย เขาจึงพายเรือตามไปเก็บปลา เพราะปลาไปไหนไม่ได้ ติดขวดน้ำรั้งอยู่ เล่นไล่จับกันอย่างนี้แหละ กว่าเราจะรู้เท่าทันแต่ละครั้งเขาก็ได้ไปเยอะแล้ว"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-02-2012 เมื่อ 15:02
|