พระอาจารย์เล่าว่า "โรงเรียนบ้านป่าไม้สะพานลาวจะไปจัดอบรมเยาวชนที่วัดท่าขนุน ในวันวาเลนไทน์ คือ วันที่ ๑๔ - ๑๕ กุมภาพันธ์นี้ เขาโทรมาสอบถามว่าตอนเย็นจะเปิดโรงครัวทำอาหารให้เด็กได้ไหม ? อาตมาบอกว่าได้ แต่อย่าทำเอามาถวายพระแล้วกัน..!
ระยะหลังการอบรมเด็กมีแทบทุกเดือน เหมือนกับว่าเป็นกิจกรรมภาคบังคับ โรงเรียนต่าง ๆ หมุนเวียนกันไป โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีงบน้อย พอโดนบังคับให้จัดกิจกรรมก็อิงวัดเป็นหลัก สมัยก่อนโรงเรียนบ้านป่าไม้สะพานลาวจะมีเด็กต่างด้าวร้อยละ ๓๐ เด็กที่จะได้งบประมาณเลี้ยงอาหารกลางวันจากกระทรวงต้องเป็นเด็กไทยที่มีทะเบียน คราวนี้จะให้เด็ก ๗๐ คนนั่งกิน แล้วเด็กอีก ๓๐ คนที่เป็นต่างด้าวนั่งกลืนน้ำลายก็ไม่ได้ ท้ายสุดก็ต้องวิ่งมาวัด มีข้าวสารอาหารแห้งหรือเงินทองก็ต้องให้เขาไป
มีอยู่ครั้งหนึ่งนำญาติโยมจัดผ้าป่าให้เขาเพื่อเป็นทุนอาหารกลางวันเด็ก ได้เงินไปสี่แสนกว่าบาท ไม่ทราบเหมือนกันว่าถึงมือเด็กเท่าไร แต่อาตมาทำแบบโปร่งใส ไปทอดที่โรงเรียนเลย นับเงินเสร็จก็ให้เจ้าภาพมอบให้กับทางโรงเรียนโดยตรง ทำงานลักษณะนี้ดีตรงที่ว่าเราสบายใจ เขาเองก็ไม่ต้องมาระแวงว่าเงินจะตกหายกลางทางหรือเปล่า หลังจากนั้นไปอาตมาก็ไม่ตามไปดูแล้ว ว่าเขาเอาเงินไปทำอย่างไร เพราะว่าให้เขาไปแล้วก็จบแค่นั้น"
ถาม : น่าจะมีโครงการปลูกผักเป็นอาหารกลางวัน
ตอบ : มี...แต่ไม่พอ โดยเฉพาะบางโรงเรียน อาตมาไปเริ่มโครงการไว้ เช่น ให้นักเรียนบ้านไกลได้พักหอพัก อาตมาเองก็ไปสร้างหอพักให้ ไม่ได้ดีอะไรหรอก เป็นแบบมุงแฝกมุงจากนี่แหละ
ปัจจุบันนี้โรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ถึงเวลาก็จะนิมนต์พระไปบิณฑบาตข้าวสารอาหารแห้ง มีวงเล็บว่า "บิณฑบาตเสร็จโปรดยกให้ทางโรงเรียนด้วย" ถ้ามีการคัดตัวนักกีฬาหรือว่านักเรียนที่ซ้อมวงโยธวาทิตก็มักจะมาขออาหารแห้งที่วัดเป็นระยะ ๆ ขาดอะไรวิ่งเข้าวัดไว้ก่อน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-02-2012 เมื่อ 11:58
|