ถาม : อนันตริยกรรมที่ว่ายุให้สงฆ์แตกกัน คนที่ยุต้องเป็นพระเท่านั้นใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ฆราวาสก็ทำได้ ขอให้ยุให้พระแตกกันได้ก็ใช้ได้แล้ว
สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชก็เกิดลักษณะที่คล้ายคลึงกับสังฆเภทขึ้นมา แต่ไม่ใช่สังฆเภท คือพวกเดียรถีย์เห็นว่าพระเจ้าแผ่นดินนับถือศาสนาพุทธ ให้การอุปถัมภ์นักบวชในพุทธศาสนามาก จึงปลอมบวชเข้ามา โกนหัวห่มผ้ากาสาวพัสตร์เข้ามาเอง โดยไม่ได้ศึกษาหลักธรรมอะไร ส่วนใหญ่ก็เอาลัทธิเดิม ๆ ของตัวมาสั่งสอนชาวบ้านที่นับถือเลื่อมใส ทำให้ศาสนาพุทธสับสนปนเปมาก
เมื่อต้องไปลงอุโบสถ บรรดาพระที่ท่านบวชมาถูกต้อง ท่านก็ไม่ต้องการที่จะลงอุโบสถด้วย ก็คือไม่ลงโบสถ์ร่วมกัน เพราะว่าอีกฝ่ายหนึ่งเท่ากับเป็นฆราวาส เป็นอนุปสัมบันเข้าไปอยู่ในเขตสีมาแล้ว การทำสังฆกรรมก็ไม่มีผล
พอเรื่องไปถึงพระเจ้าอโศกมหาราช ท่านก็ใช้ให้อำมาตย์ไปบอกให้สงฆ์ลงสังฆกรรมร่วมกัน โดยที่พระองค์ท่านไม่มีความเข้าใจว่า ผู้ที่อยู่ในแวดวงสังฆกรรมนั้นต้องมีศีลเสมอกัน เมื่ออำมาตย์ไปถึงก็ไม่เข้าใจคำสั่งเจ้านาย ใช้วิธีบังคับพระให้ลงสังฆกรรม พระที่รักศีลท่านก็ไม่ยอมลงสังฆกรรม
อำมาตย์เห็นว่าขัดคำสั่งก็ชักดาบตัดหัวเลย ศพที่ ๑ ผ่านไป หันมาชี้รูปที่ ๒ ท่านจะลงหรือไม่ลง ? พอไม่ลงก็ฟันหัวขาดไปอีกคน คราวนี้พระติสสะเถระท่านเห็น เกรงว่าจะลงนรกไปมากกว่านี้ ท่านก็เลยมานั่งอาสนะที่ ๓ พอท่านมานั่งเท่านั้น อำมาตย์เห็นเข้าก็ทำอะไรไม่ถูก เพราะท่านเป็นพระอนุชาของพระเจ้าแผ่นดิน
อำมาตย์จึงกลับไปกราบทูลพระเจ้าอโศกมหาราชให้ทราบ พระเจ้าอโศกพอได้ยินก็พระทัยหายวาบ บอกว่าให้ไปขอให้พระสงฆ์ลงสังฆกรรมร่วมกัน แต่อำมาตย์ดันทำเกินเหตุ ก็เลยไปกราบขอขมาพระ ปรึกษากับพระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระว่า โยมจะแก้ไขอย่างไรถึงจะลดกรรมนี้ได้ พระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระบอกว่ามีวิธีเดียว คือจัดสังคายนาพระธรรมวินัยใหม่
ท่านพระโมคคัลลีบุตรติสสะเถระบอกว่า ท่านจะจัดการทางด้านคณะสงฆ์เอง ว่าจะจัดผู้ใดเข้าทำการสังคายนาพระไตรปิฎก ส่วนทางบ้านเมืองพระเจ้าอโศกมหาราชต้องเป็นผู้จัดการ และให้การอุปถัมภ์พระที่ทำสังคายนาด้วย พระเจ้าอโศกมหาราชก็ตกลง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2012 เมื่อ 14:42
|