สมัยอาตมาเป็นฆราวาส คิดว่าถ้าเรียนจบแล้วจะสะพายเป้ใบหนึ่งเร่ร่อนไปเรื่อย ๆ ถ้าเงินหมดที่ไหนก็ขอเขาทำงานที่นั่น ได้เงินเมื่อไรค่อยไปต่อ ปรากฏว่าโครงการนี้ยังไม่ได้ดำเนินการ พอมาเป็นพระก็ได้ธุดงค์คล้าย ๆ กัน แต่ธุดงค์ได้สบายอยู่ปีเดียวคือปีที่ออกจากวัดท่าซุงมา ก่อนที่จะสร้างเกาะพระฤๅษี ตอนนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมีภาระอะไร
อาตมาเดินจากทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งทองผาภูมิ ทะลุไปอุ้มผาง จ.ตาก วกเข้าไปห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี ย้อนกลับมาทางด้านศรีสวัสดิ์ของกาญจนบุรีอีกทีหนึ่ง เดินวนกว่าจะครบรอบก็ใช้เวลาเป็นเดือน นั่นขนาดเดินไม่พักนะ เดินทุกวัน แต่คนอื่นเขาเดินไปพักไป
อย่างอาจารย์วิฑูรย์ วัดรัชดาภิเษกไปเจอท่านที่วัดตีนตก อาตมาเดินเป็นเดือนวนออกมาทางวัดไกรเกรียงไปเจอท่านที่นั่น แปลว่า เดือนหนึ่งท่านขยับไปแค่วัดเดียว แต่อาตมาเดือนหนึ่งข้ามไป ๓ จังหวัด จนย้อนกลับมาจังหวัดเดิม ถือว่าจังหวัดที่ ๔ แล้ว
การธุดงค์มีทั้งการเดินภาวนา มีทั้งการไปหาที่ปฏิบัติภาวนา ส่วนอาตมาถนัดเดินภาวนา พรรคพวกเพื่อนฝูงที่คบหากันตอนสมัยเจอกันในป่าธุดงค์ก็ลดน้อยลงไปเรื่อย อย่างอาจารย์เป้าที่เคยเล่าว่าโดนควายป่าขวิด ตอนนี้ก็มรณภาพไปแล้ว อาจารย์วิฑูรย์ก็แยกย้ายไปเป็นเจ้าสำนักกันหมดแล้ว เพราะอยู่ไปก็อาวุโสมากขึ้น โดยเฉพาะพระสายธรรมยุติเขาถึงกันหมด ใครอาวุโสกว่าก็ต้องรับตำแหน่งไป
มีหลวงพ่อทวน โฆสโก องค์เดียว ยังเป็นหลวงพ่อห้วยขาแข้งอยู่ ถ้าเข้าห้วยขาแข้งแล้วอยากเจอท่าน ให้เดินไปทางหนองม้าหรือห้วยชะพลู เดี๋ยวก็เจอ ท่่านไม่ค่อยออกมาข้างนอกเท่าไร
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-12-2011 เมื่อ 20:23
|