พระอาจารย์กล่าวถึงการถวายทานว่า "พระพุทธเจ้าเล่าพุทธประวัติสมัยที่เป็นพระเวสสันดรว่า ตอนทำบุญครั้งใหญ่พระองค์ท่านให้สุราแก่บรรดานักเลงสุรา พอเล่าจบพระอานนท์ก็ทูลถามว่า พระพุทธเจ้าให้สุราแก่นักเลงสุรา มีอานิสงส์อย่างไร ?
พระองค์ตรัสว่า การให้สุราเป็นทาน จัดเป็นทานที่ไม่มีอานิสงส์ เพียงแต่ต้องการให้ผู้รับยินดีในได้สิ่งที่ตนเองอยากได้เท่านั้น ก็คือรู้ว่าให้ไปก็ไม่ได้บุญ และถ้าไม่เข้าใจก็อาจจะกลายเป็นบาปด้วย เพราะว่าเหมือนกับไปสนับสนุนให้เขาดื่มเหล้า แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะเรื่องของธรรมะนั้นตรงไปตรงมา ถ้าคุณไม่ได้ไปบีบคอกรอกเหล้าใส่ปากเขา ก็ไม่เป็นไรหรอก เพียงแต่อยากให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการ แล้วนักเลงเหล้านั้นไปให้อย่างอื่นเขาก็ไม่ต้องการ ท่านก็ต้องให้เหล้าแก่เขาไป
พระเวสสันดร พระมโหสถ แม้กระทั่งพระพุทธเจ้า เมื่อเกิดมาสามารถพูดได้เลย พระเวสสันดรเกิดมาก็พูดว่า "อะมะ..ข้าแต่แม่ ข้าพเจ้าอยากจะทำทาน" พระมโหสถเกิดมาก็ "อะมะ..ข้าแต่แม่ ยาที่ถือมานี้เอาไปรักษาบิดา" ที่ได้ชื่อว่ามโหสถ เพราะท่านกำยาออกมาจากท้องแม่ ไม่รู้ว่าไปล้วงเอามาจากไหน ?"
ถาม : พระเวสสันดรเกิดมาพูดได้ยังพอเข้าใจ ส่วนพระมโหสถยังไม่ใช่ชาติสุดท้าย แต่ทำไมเกิดมาพูดได้เลยคะ ?
ตอบ : อย่าลืมว่าเป็นปรมัตถบารมีแล้วนะ
ถาม : ทำไมทั้ง ๑๐ ชาติ พูดไม่ได้ทั้งหมดคะ ?
ตอบ : บางชาติก็ไม่ใช่ปรมัตถบารมี แต่เป็นชาติที่คนเขาคุ้นเคย ลองไปอ่านดูจะรู้ว่า บางชาติท่านยังเป็นอุปบารมี แต่บางชาติในพระเจ้า ๕๐๐ ชาติที่เราคิดว่าไม่น่าจะเป็นปรมัตถบารมี แต่ก็เป็น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-12-2011 เมื่อ 12:51
|