นี่แหละ คำว่า “สิ้นโลก เหลือธรรม”
คือเมื่อธรรมเกิดขึ้นที่ใจแล้ว เรื่องโลกเลยกลายเป็นธรรมไปหมด
ดังเช่นเสียงตุ๊กแกร้อง หรือไก่ขันเป็นต้น ก็เป็นธรรมไปหมด สิ่งอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน
เมื่อธรรมเกิดขึ้นที่ใจแล้ว เรื่องโลกก็ค่อย ๆ หายไป ๆ เรื่องสิ้นโลก เหลือธรรม ดังบรรยายมาเป็นอย่างนี้
แต่ความเป็นจริงโลกก็ยังเป็นโลก ธรรมก็ยังเป็นธรรมอยู่ตามเดิมนั่นเอง
เรื่องธรรมเป็นอย่างนี้แหละ ถ้าปฏิบัติไม่เป็นไปด้วยกันแล้วจะไม่เชื่อเลย
คนที่ปฏิบัติเป็นไปด้วยกันแล้วจะนั่งชนเข่าคุยกันได้เลย วันยันค่ำก็อยู่ได้
แต่ถ้าคนหนึ่งไม่มีธรรมอีกคนหนึ่งมีธรรม พูดกันประเดี๋ยวเดียวก็แตกแยกไปคนละฝ่าย ไม่สนุกเลย
นักปฏิบัติทั้งหลายต้องปฏิบัติให้เข้าถึงอุปจาร-อัปปนาสมาธิ แล้วพูดคุยกันจึงจะรู้เรื่องกันดี
ธรรมเป็นของเกิดจากใจแต่ละคน
เมื่อพูดธรรมออกมาก็จะพูดออกจากใจแท้ของตน
จึงเป็นเรื่องสนุกมาก…
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน
ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว...
กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน
อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 02-12-2011 เมื่อ 15:41
|