พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าคนมาบ้านวิริยบารมีน้อย ๆ อย่างนี้ทุกเดือนจะดีใจมากเลย เพราะอาตมาจะได้ไม่เหนื่อยมาก พอแก่แล้วกำลังก็ตกไปเรื่อย ที่คนอื่นเขาเห็นว่ายังแข็งแรงอยู่นั้นเป็นแค่กำลังเฉพาะตัว แต่อาตมารู้ว่าตัวเองพยุงร่างกายลำบากขึ้นเรื่อย ๆ บางทีที่การที่อาตมายกของหนักได้มากกว่าคนอื่นเขานั้นเป็นกำลังเฉพาะตัว เหมือนอย่างกับช้าง ช้างแก่ก็ยังยกของหนักได้มากกว่าวัวควายอยู่ดี แต่ก็คือแก่ แค่พยุงตัวเองก็ลำบากแล้ว
ก่อนอายุ ๓๐ พอบวชเข้าไปใหม่ ๆ ได้รับคำสั่งให้ไปดูแลเฝ้าหน้าตึกหลวงพ่อวัดท่าซุง เวลาหน้าหนาวก็ยังใส่แค่อังสะกับสบงทุกวัน รับท่านขึ้นรับท่านลง ท่านมาถึงก็ถามว่า “แกไม่มีเครื่องกันหนาวหรือ ?” กราบเรียนว่า “มีครับ แต่ผมยังไม่หนาว” พอถึงอายุ ๓๐ นี่ไม่ต้องถามเลย วิ่งไปหามาใส่เอง เพราะกำลังตก ร่างกายสู้ความหนาวได้ไม่เหมือนแต่ก่อน
พอมาอายุ ๔๐ ปี ยิ่งแย่ลงไปอีก ก่อนหน้านี้สามารถทำงานหามรุ่งหามค่ำ ๓ วัน ๓ คืนอยู่ได้สบาย พออายุ ๔๐ ปีขึ้น ก็ฝืนไม่ได้ขนาดนั้นแล้ว ทำงานไปถึงเวลาก็ต้องพัก พออายุ ๕๐ ปีนี่แย่แล้ว พักทั้งคืนแต่กำลังพอทรงตัวได้ไม่ถึงเย็น บางทีเวลาทำวัตรเย็นไมค์จะหลุดมือ เพราะกำลังหมด ระยะหลังนี้ให้พระครูน้อยนำสวดมนต์แทน ก็เพราะว่าไม่อยากให้โยมเขาเห็นอาตมาทำไมค์หลุดมือ
พระครูน้อยท่านก็สงสัยว่าทำไมอาจารย์ถึงให้สวดแทน อาตมาบอกว่า "ไม่มีอะไรหรอก ผมแก่แล้ว" ไม่ได้อธิบายให้ท่านฟังหรอก พระครูน้อยเป็นคนเครียดง่าย ถ้ารู้ว่าหลวงพ่ออาการหนักขึ้นมาเดี๋ยวเครียดตายเลย
จากการที่ป่วยเป็นมาเลเรียอยู่ตั้ง ๓๐ ปี ทำให้ตับชำรุด เก็บพลังงานสำรองไม่ได้เหมือนคนทั่วไป จึงเป็นประเภทพักเก็บแรงสักนิดหนึ่งแล้วค่อยใช้ อย่างหลังเพลแล้วมาพักหน่อยหนึ่งก็ลงมาอยู่ได้ บางทีก็นั่งภาวนาว่าเมื่อไรจะ ๔ โมงเย็นเสียที จะได้ขึ้นไปพัก ประมาณ ๕-๖ โมงเย็นก็ลงมา มีพลังใช้งานได้แค่ประมาณ ๒ ทุ่ม
ระยะนี้ได้ยาดีเข้าไปก็อยู่ได้เกิน ๒ ทุ่มหน่อย แต่อย่างไรก็เป็นคนตื่นเช้า แก้นิสัยตัวเองไม่ได้ ตีหนึ่งตีสองก็ตื่นแล้ว คนอื่นเขายังไม่หลับเลย ต้องบอกว่าเป็นธรรมชาติของคนแก่ที่จะตื่นเร็ว เพราะเวลาดูโลกเหลือน้อยแล้ว ต้องรีบตื่นมาถ่างตาดูโลกให้มากเข้าไว้
เวลาไปเจอเพื่อนร่วมรุ่นแล้วจะรู้สึกว่าตัวเองแก่ ถ้าไม่ได้เจอเพื่อนร่วมรุ่นนี่จะไม่รู้สึกหรอก เพราะว่าเพื่อนมีทั้งอ้วน มีเหี่ยว มีหัวล้าน มีหัวหงอก ส่วนอาตมาเสียท่า ไปทีไรเพื่อนจำได้ทุกที ส่วนอาตมานี่เวลาเจอเพื่อนต้องคิดแล้วคิดอีกว่านั่นใครวะ ?"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2011 เมื่อ 13:54
|