พระอาจารย์กล่าวว่า "ผลกระทบจากน้ำท่วมที่เห็นชัดที่สุดคือ สถานีรถไฟฟ้าหน้าปากซอยบ้านวิริยบารมีสร้างช้าลงไปเยอะ อาจจะไม่ทันเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ เพราะส่วนใหญ่เขาจะเปิดฉลองวันเกิดในหลวงกัน
ถ้าจะทำกรุงเทพฯ ให้พ้นน้ำจริง ๆ จะต้องเจาะพื้นรอบกรุงเทพฯ วางคานและแผ่นรองรับ แล้วก็ดีดให้สูงขึ้นมา ทำลักษณะเป็นชุดเหล็ก สามารถยกเลื่อนขึ้นเลื่อนลงตามระดับน้ำ จะมีใครบ้าทำไหมนะ ? ปีนี้ได้งบประมาณมาก็ทำสักหน่อยหนึ่ง ปีหน้าได้งบประมาณมาก็ทำอีกหน่อยหนึ่ง เดี๋ยวก็ทั่วกรุงเทพฯ ไปเอง..!
สมัยก่อนกรุงเทพฯ ใช้น้ำบาดาลเยอะมาก เพราะไม่อยากจ่ายค่าน้ำประปา จึงเจาะน้ำบาดาลใช้กันเอง พอน้ำใต้ดินหมดไป พื้นก็ทรุดลง เพราะน้ำใต้ดินประคองพื้นเอาไว้ พอน้ำหมดไปดินก็ทรุดลงไปเรื่อย ทำให้พื้นที่กรุงเทพฯ ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง แปลว่าถ้าน้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯ ก็จะแปลกมาก..!
ประการสำคัญที่สุดคือ บรรพบุรุษของเราต้องการหาที่ซึ่งมีฝนฟ้าอุดม มีน้ำท่าบริบูรณ์ เพื่อถึงเวลาก็จะได้ปลูกข้าวได้ แม้กระทั่งพระเจ้าแผ่นดินก็ต้องทำนา สนามหลวงก็คือนาของพระเจ้าแผ่นดิน แต่ปรากฏว่าเราเปลี่ยนจากการทำไร่ทำนามาเป็นอาคารพาณิชย์ เป็นศูนย์ราชการ แต่ฝนฟ้าก็ยังตกอยู่เท่าเดิม
ต้องบอกว่าบรรพบุรุษของเราเก่ง หาที่ที่ฝนบริบูรณ์ได้ทั้งปี แต่พวกเราไปเปลี่ยนเจตนารมณ์เดิมในการสร้างกรุง ก็คือต้องเป็นที่ซึ่งสามารถเพาะปลูกสะสมเสบียงอาหารได้ง่าย มาเป็นที่ที่สร้างอาคารพาณิชย์ เป็นตึกสูง เป็นที่พักอาศัย คราวนี้ในเมื่อสิ่งที่ทำไปไม่เหมาะกับธรรมชาติหรือพื้นที่แต่เดิม ก็มีแต่จะเกิดปัญหาขึ้น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2011 เมื่อ 03:02
|