ส่วนในเรื่องของปัญญานั้น แม้ว่าแรก ๆ กำลังสมาธิไม่เพียงพอ แต่ถ้าเราซักซ้อมและคิดพิจารณาไว้บ่อย ๆ ว่าการเกิดมาจะต้องพบ จะต้องเจอเรื่องอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ความปรารถนาไม่สมหวัง ความกระทบกระทั่งอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ เป็นต้น
ในเมื่อสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราต้องพบเจอ ไม่สามารถที่จะเลี่ยงได้ ก็ต้องพยายามเห็นให้ได้ว่า ปกติธรรมดาของมันเป็นเช่นนั้น ในเมื่อการเกิดมามีสภาพร่างกายเช่นนี้ มีความปกติธรรมดาเช่นนี้ ความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็นกรรมเก่าที่เราได้กระทำมา ในเมื่อเราทำ ธรรมดาของการกระทำก็ย่อมมีผลตอบแทน ความทุกข์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับเราในชาตินี้ก็ถือว่าเป็นธรรมดา เราทำเราก็ต้องรับ แต่ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีความทุกข์เช่นนี้จะไม่มีสำหรับเราอีก ถ้าหากว่าตายไปชาตินี้เมื่อไร เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว
ถ้าทุกท่านตามดู ตามรู้ ตามคิดจดจ่ออยู่เฉพาะหน้าอย่างนี้ จนกระทั่งสรุปลงได้ว่า ร่างกายนี้หาความดีไม่ได้ เราไม่ยินดี ไม่พึงปรารถนาในร่างกายนี้ ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว ถ้าท่านทำอย่างนี้ได้ก็แปลว่า ศีลก็คือการสำรวมกาย วาจา ใจ ไม่ล่วงละเมิดศีลทั้ง ๕ ข้อหรือ ๘ ข้อ ทรงตัวเป็นของเรา
สมาธิก็คือกำลังความตั้งมั่นของใจ ถ้าหากว่าเราตามดู ตามรู้ลมหายใจเข้าออกอย่างจดจ่อต่อเนื่อง เราก็จะสามารถทรงสมาธิได้ไม่ยาก ในเรื่องของปัญญา ถ้าหากว่าเรารู้เห็นว่าสภาพร่างกายมีแต่ความทุกข์เช่นนี้เราไม่ต้องการอีก ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว ก็แปลว่าท่านมีปัญญาเป็นสัมมาทิฏฐิ คิดนึกตรึกหาหนทางที่จะพ้นจากความทุกข์ได้อย่างถูกต้องแล้ว
ก็แปลว่าท่านทั้งหลายทรงในศีล สมาธิ ปัญญา อย่างครบถ้วน ก็ให้ซักซ้อมการเข้าออกสมาธิให้มีความคล่องตัว สามารถเข้าสมาธิได้ทุกอิริยาบถ สามารถที่จะทรงฌานได้ทุกเวลาที่ปรารถนาได้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายทำอย่างนี้ได้ การจะเห็นธรรมดาก็ดี การจะปฏิบัติธรรมโดยไม่ประมาทก็ดี ก็เป็นเรื่องที่ไม่เกินวิสัยที่ท่านทั้งหลายจะทำได้ รักษากำลังใจของตนให้อยู่สุข อยู่เย็น แม้ว่าจะไม่ตลอดกาลสมัย ก็ขอให้ระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่นี้ มีความสุข เบากาย เบาใจอยู่บ้าง
ลำดับถัดจากนี้ไป ขอให้ท่านทั้งหลายตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของตนเอง พร้อมกับคำภาวนา ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ มีคำภาวนาอยู่ ก็กำหนดรู้ลมหายใจพร้อมกับคำภาวนาไปด้วย ถ้าหากว่าไม่มีลมหายใจ ไม่มีคำภาวนา เราก็กำหนดรู้ว่าสภาพของร่างกายเราตอนนี้เป็นเช่นนี้ ไม่ต้องดิ้นรนหายใจใหม่ ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องอยากให้พ้นไปจากสภาพนั้น
ขอให้ทุกท่านรักษาอารมณ์ใจทรงตัวให้อยู่เฉพาะหน้า กับการภาวนาหรือพิจารณาของตน จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2011 เมื่อ 09:38
|