เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔
ทุกคนขยับตัวนั่งในท่าที่สบาย ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติทั้งหมดไว้เฉพาะหน้า หายใจเข้าเอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออกเอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา
ให้ความรู้สึกของเราอยู่กับลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้าตรงนี้ จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ตามแต่เราถนัด ถ้าหากว่าจิตเผลอไปคิดถึงเรื่องอื่น รู้ตัวเมื่อไรก็ให้ดึงกลับมาตรงลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้าของเรา เพื่อที่กำลังใจจะได้ทรงตัวตั้งมั่น ไม่ฟุ้งซ่านไปในรัก โลภ โกรธ หลง
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๔ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานวันแรกประจำเดือนตุลาคมของเรา ในปัจจุบัน ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ขณะนี้ สภาพของน้ำท่วมก็ยังไม่ได้ลดน้อยถอยลง และได้ยินว่ายังจะมีพายุเข้ามาซ้ำเติมอีกด้วย
ส่วนในเรื่องของทางด้านเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นก็เพิ่งจะตกถล่มทลายไป เราจะเห็นได้ว่าสภาพรอบข้างของเรานั้น เต็มไปด้วยความทุกข์ทั้งสิ้น ความทุกข์ยากลำบากเกิดจากการที่น้ำท่วม หรือว่าความทุกข์ความเครียดที่เกิดในสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนเอาแน่ไม่ได้เหล่านี้ จะว่าไปแล้วก็เป็นธรรมดาของโลก แต่ว่าตัวเรานั้นยอมรับในธรรมดานี้ได้แค่ไหน ?
คำว่า "ธรรมดา" นั้น ถ้าหากว่าใครค้นพบได้อย่างแท้จริง สามารถที่จะนำมาใช้งานได้ตลอดชีวิตนี้ เนื่องเพราะว่าธรรมดาของแต่ละระดับชั้น แต่ละระดับกำลังใจนั้น ปล่อยวางได้ไม่เท่ากัน ธรรมดาของปุถุชน ปล่อยวางได้ในระดับหนึ่ง ธรรมดาของผู้ทรงฌานปล่อยวางได้อีกระดับหนึ่ง
ธรรมดาของพระโสดาบัน ปล่อยวางได้มากขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ธรรมดาของพระสกิทาคามีก็ปล่อยวางได้มากยิ่งกว่าพระโสดาบัน ธรรมดาของพระอนาคามี รัก โลภ โกรธ ไม่เอากับใครแล้ว ธรรมดาของพระอรหันต์ ปล่อยได้อย่างแท้จริง ไม่เหลืออะไรให้ยึดถือมั่นหมายแล้ว
ดังนั้น..ถ้าเราคว้าคำว่าธรรมดาติด ค้นพบ จิตใจยอมรับว่าเราเกิดมามีร่างกาย ธรรมดาจะต้องเป็นเช่นนี้ ธรรมดาต้องพบกับเรื่องกระทบใจอย่างนี้ ธรรมดาต้องพบกับความทุกข์ยากอย่างนี้ ธรรมดาจะต้องเจอคนที่เราไม่ชอบใจอย่างนี้ ธรรมดาที่ต้องพลัดพรากจากของที่รักคนที่รักแบบนี้ ถ้าหากว่าสภาพสติ สมาธิ และปัญญาของเราทรงตัวเพียงพอ การปล่อยวางว่าเป็นธรรมดาก็จะบังเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าหากว่ามีสติกับสมาธิ โดยปัญญายังไม่ยอมรับ ก็จะปล่อยวางธรรมดาได้ในลักษณะเดียวกับผู้ทรงฌานเท่านั้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 07-10-2011 เมื่อ 13:41
|