"...ฉะนั้น ถ้าแต่ละคนพยายามที่จะมองเห็นทุกข์แล้วก็มีความรู้สึกเกิดขึ้นว่า อยากที่จะเข้าไปช่วยเหลือ อันนั้นเป็นการมองเห็นทุกข์อยากจะช่วยเหลือแล้ว ก็จะต้องหันหน้าไปหาผู้อื่นที่มีความรู้สึกอย่างเดียวกันและประสานกันให้ดี ไม่ก้าวก่ายกัน ไม่ทะเลาะกัน ไม่เอาหน้ากัน ทำได้ในส่วนของตัวเองที่ทำได้ แล้วมาหวังในความร่วมมือของผู้อื่น และก็ให้ความร่วมมือกับผู้อื่น
โดยที่เมื่อทำแล้ว ตัวเองทำได้ผลดีแล้ว ก็ดีใจทั้งนั้น ภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำและยินดีกับสิ่งที่ผู้อื่นทำ เมื่อผู้อื่นทำในงานที่ตัวเองทำแล้วได้หน้าไป ก็ไม่ใช่ว่าเรากำลังทำแล้วคนอื่นทำไปแล้วเห็นว่าเขาเอาหน้า เขาเอาหน้าเขาได้หน้าก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกัน
ถ้าใครทำดีแล้วเรายินดีด้วยเพราะเราทำอย่างอื่นได้ด้วย แต่ถ้าเราทำแล้วคนอื่นทำได้ดี เราก็กำลังทำนี่แล้วทำไมคนโน้นมาแย่งทำ เขาไม่ได้แย่งเขาทำของเขา เขาได้ผลดีของเขาก็ดีใจ เราก็ยินดีด้วย ถ้าเราทำแล้วไม่ได้ผลเราก็เสียใจ มัวแต่เสียใจในเรื่องที่ไม่ได้ผลนี้ไม่ได้ทำอย่างอื่น
เราทำสุดฝีมือแล้วใครจะมาว่าอะไร คือไม่ใช่ใครมาว่าแล้วเราไม่ฟัง ใครมาว่าเราก็ฟัง ถ้าเขาว่าถูกเราก็ขอบใจเขา ถ้าเขาว่าไม่ถูกก็ปล่อยเขาไป สบายใจดี
ฉะนั้น งานสังคมสงเคราะห์นี่ไปถึงขนาดนี้ ถึงขั้นที่จะพิจารณาตัวเอง ถึงขั้นที่จะต้องมีความยินดีด้วยกับคนอื่น แล้วมีความปล่อยวางด้วย ปล่อยวางไม่ได้หมายความว่าปล่อยมือ ปล่อยวางคือจิตใจไม่หมกมุ่น จิตใจไม่ไปทำให้เคืองโกรธ แต่ว่าปล่อยวางในสิ่งที่ทำไม่ได้ แล้วก็จะได้หลีก ทำอะไรที่ทำได้เป็นประโยชน์..."
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 19-08-2011 เมื่อ 01:10
|