"ตอนเขาปฏิวัติกันใหม่ ๆ มีคนมาถามอาตมาว่าประเทศไทยจะดีขึ้นไหม ? อาตมาบอกว่ายัง..เขาถามว่าเมื่อไรจะดีขึ้น ? จึงบอกเขาไปว่า "ปี ๕๖ ขึ้นไปแล้วจะค่อย ๆ ดีขึ้น" ทำเอาเขารับกันไม่ได้ จากวันนั้นจนถึงวันนี้คงจะเห็นชัดแล้วว่าเป็นอย่างไร
ในเว็บหนึ่งเขาลงเอาไว้ว่า นักลงทุนต่างชาติหลายรายที่เลือกลงทุนเป็นพันล้านในประเทศไทย ก็เพราะไทยมีในหลวง เขาไม่กลัวหรอกเรื่องการปะทะกันทางการเมืองหรือการประท้วง เขาบอกว่าถ้าเรื่องใหญ่จริง ๆ ในหลวงพูดคำเดียว ทุกคนหยุดหมด เขาเลยไม่กลัว แต่ประเทศอื่นไม่ใช่อย่างนั้น ไม่มีใครที่จะมีอำนาจแบบนี้ ไม่มีใครที่จะเชื่อฟังผู้นำแบบนี้
เพราะฉะนั้น..ถ้าประเทศอื่นเกิดเรื่องขึ้น กิจการของเขาจะเสียหายมาก แต่ถ้าเป็นประเทศไทยเขามั่นใจ เขาจึงกล้ามาลงทุน ในเมื่อต่างประเทศเขายังเห็นประโยชน์ตรงนี้ เราเองก็ควรจะทำในสิ่งที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนให้มากกว่านี้
ต่างประเทศเขาทึ่งและแปลกใจมากว่า สถานการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมาของเราเละไม่เป็นท่า แต่เศรษฐกิจไทยกลับโตขึ้น ต้องบอกว่าคนไทยตายด้านและชาชินกับเรื่องพวกนี้เสียแล้ว อยากตีก็ตีกันไป เราก็ทำงานของเราไป
เราควรที่จะสร้างจิตสำนึกสาธารณะ ให้เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัวตั้งแต่เด็ก ๆ ไปเลย อาตมาเจอเด็กบางคนไปวัด เห็นเด็กเขากำมืออยู่ก็สงสัยว่าเขากำอะไร ปรากฏว่าเขากำเศษเปลือกลูกอมอยู่ ๒ ชิ้น เขาหาถังขยะไม่เจอ เลยกำไว้ก่อน พ่อแม่เขาสอนไว้ดี ว่าต้องทิ้งขยะลงถัง ถ้าเป็นผู้ใหญ่คงโยนลงพื้นไปนานแล้ว"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2011 เมื่อ 03:30
|