ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : จริง ๆ ในเรื่องสักกายทิฐิ ก็คือ การยึดมั่นว่าตัวเราเป็นของเรา ถ้าสามารถพิจารณาให้เห็นชัดว่าสักแต่เป็นรูปนาม สักแต่เป็นธาตุ ประชุมรวมขึ้นมาให้อาศัยเป็นร่างกายชั่วคราว ถ้ารู้เห็นจริงจัง สภาพจิตยอมรับ ก็จะคลายความยึดมั่นนั้นออก
วิจิกิจฉา ตัวลังเลสงสัยในคุณพระรัตนตรัย ถ้าหากว่าเราเข้ามาปฏิบัติ ตัวนี้ถือว่าได้กำไร เพราะว่าต้องสงสัยน้อยแล้วจึงยอมปฏิบัติ เราก็แค่ทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้แน่นแฟ้นจริง ๆ เท่านั้น ก็ไปสำคัญตรงสีลัพพตปรามาส การรักษาศีลไม่จริงจัง สักแต่ว่าลูบ ๆ คลำ ๆ ก็เอาให้จริงจัง ไม่ล่วงศีลด้วยตัวเอง ไม่ยุให้คนอื่นทำ ไม่ยินดีเมื่อคนอื่นทำ สามารถทำไปพร้อมกับสมาธิ ควบไปจนสติตั้งมั่นถึงขนาดที่ขยับตัวเมื่อไรก็รู้ว่าศีลจะขาด ถ้าทำได้ระดับนั้นเมื่อไร ก็มีสิทธิ์ที่จะก้าวข้ามสังโยชน์สามข้อแรกได้
แต่ทั้งสามข้อที่ว่ามานี้ ตัวสักกายทิฐิไม่ได้ขาดเสียทีเดียว เพียงแต่เบาบางลง ยกเว้นเราจะตัดสังโยชน์ระดับสูงขึ้นไป ก็จะค่อยละสักกายทิฐิเบาบางตามลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงข้อสุดท้าย จึงจะละได้อย่างแท้จริง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-07-2011 เมื่อ 16:58
|