กฎของกรรมคืออริยสัจ
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้
๑. “
ร่างกายมันก็ไม่ดีมาอย่างนี้ทุก ๆ ชาตินั่นแหละ ตั้งแต่จุติมาจากความเป็นอาภัสสราพรหม ก็ทำบุญทำบาปกันเรื่อย ๆ มา แต่กำลังของบุญมีน้อยกว่ากำลังของบาปมาก นับแสนอสงไขยกัปนับไม่ถ้วน
เกิดตาย ๆ เวียนว่ายอยู่ในกระแสของกรรม”
๒. “ขึ้นชื่อว่ากรรมไม่มีใครทำ ล้วนแล้วแต่เราทำเอาไว้เองทั้งสิ้น กรรมแปลว่าการกระทำ ไม่ว่าทางกาย ทางวาจา ทางใจ ทางใดทางหนึ่ง เมื่อกระทำขึ้นมาก็เป็นกรรมทั้งสิ้น ดังนั้นทุก ๆ ชาติที่ยังอัตภาพให้เกิดขึ้นมา ก็ย่อมหนีการเจ็บป่วยไปไม่พ้น เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องเสวยผลแห่งกรรมที่ตนกระทำเอาไว้นั้น
ไม่มีใครหนีกฎของกรรมได้พ้น”
๓. “
ให้เห็นธรรมดาเข้าไว้ว่า การเกิด แก่ เจ็บ ตาย พลัดพรากจากของรักของชอบใจ การกระทบกระทั่งกับอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ ความปรารถนาไม่สมหวังนั้น เป็นเรื่องของกฎธรรมดา ไม่มีใครที่จักหลีกเลี่ยงไปได้”
๔. “ให้ทุกคนยอมรับในกฎของกรรม ซึ่งย้ำอีกทีไม่มีใครทำ เราทำของเราเอาไว้เอง แม้องค์สมเด็จปัจจุบันทรงปรินิพพาน ๘๐ พรรษา เพราะกรรมปาณาติบาตฆ่ารากษสตายตอนอายุ ๘๐ ปี กฎของกรรมอันนี้ถ้าพระพุทธองค์หนีโดยใช้อิทธิบาท ๔ ครบ บารมี ๑๐ พร้อม ก็สามารถอธิษฐานกายให้อยู่ไปตลอดพุทธันดรได้ แต่พระพุทธองค์ก็ไม่ทำเพราะเคารพในกฎของกรรมที่พระองค์ทำไว้นั้น”
๕. “เรื่องท่านมหาโมคัลลานะ ยอมให้โจรทุบจนร่างกายแหลก ก็เพราะเคารพในกฎของกรรมเช่นกัน”
๖. “
และ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ไม่มีบทใดเลยที่ไม่แสดงเรื่องกฎของกรรม เพราะกฎของกรรมคืออริยสัจ กฎของกรรมคือของจริง เป็นสิ่งที่พระอริยเจ้าทั้งหลายยอมรับ แต่มีกำลังใจยอมรับแค่ไหนนั้น ก็สุดแล้วแต่บารมีธรรมของจิตจักเจริญขึ้นมาได้แค่ไหน ทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ให้สำรวมอารมณ์เอาไว้ให้ดี เตือนจิตตนเข้าไว้ อย่าสร้างกรรมที่เป็นอกุศลให้เกิดเป็นโทษทั้งกาย วาจา ใจอีก พยายามตัดกรรมเข้าไว้”
๗. “
ถ้าไม่รู้จักทุกข์ ไม่เห็นทุกข์ มันก็ล่วงพ้นความทุกข์ไปไม่ได้ พระตถาคตเจ้าทั้งหลายสอนให้เห็นทุกข์ จักได้วางทุกข์ ปลดทุกข์ ละทุกข์เสียได้ จึงจักเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน”
๘. “หากพิจารณาให้ดี ๆ จักเห็นได้ว่า โลกนี้ทั้งโลกมีแต่ความทุกข์ หาสุขที่แท้จริงไม่ได้เลย
ให้เห็นตามความเป็นจริง อย่าให้สภาวะของจิตมันบิดเบือนความจริง เพราะตัวธรรมล้วน ๆ ไม่มีการปรุงแต่ง มันเกิด เสื่อม ดับ อยู่เป็นปกติตามหลักของมหาสติปัฏฐาน ๔ คือ มีสติกำหนดรู้อยู่เสมอว่า กาย เวทนา จิต ธรรม ล้วนเกิดดับ ๆ อยู่เป็นปกติธรรม จิตของเราเป็นผู้ไปรู้ธรรมนั้น ๆ ผู้ใดไปยึด ไปฝืนกฎธรรมดาเข้าก็เป็นทุกข์ จงอย่าให้จิตของเรามีอุปาทานหลอกตัวเองปรุงแต่งธรรม ว่าดี ว่าเลว ว่าผิด ว่าถูก มองให้ลึก ๆ ลงไป มันเป็นสภาวะธรรมอยู่อย่างนั้น เป็นธรรมดา”
๙. “
โลกทั้งโลกจึงล้วนเป็นอริยสัจ กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าจักตรัสสอนอย่างไรอีกกี่แสนครั้งก็
ไม่พ้นจากอริยสัจ การสอนของพระองค์ก็มุ่งเน้นอยู่ที่อริยสัจหรือกฎของกรรมทั้งสิ้น”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
www.tangnipparn.com