อย่างน้อย ๆ ประเทศไทยของเรา ตั้งแต่เริ่มตั้งแต่ราชวงศ์จักรีมา เรามีแต่พระมหากษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรม เป็นพระมหากษัตริย์ที่เหมาะกับยุคสมัยตลอดมา
ตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ ๑ ยังมีศึกเสือเหนือใต้อยู่เป็นปกติ ต้องรบทัพจับศึกอยู่เป็นปกติ เราก็มีรัชกาลที่ ๑ ที่เข้มแข็งเก่งกล้าในการรบ
พอมาถึงรัชกาลที่ ๒ แผ่นดินเริ่มสงบลง พระองค์ท่านก็มาทางด้านศิลปวัฒนธรรม วรรณคดี ดนตรีการ จนขนาดฝากฝีมือเอาไว้ที่บานประตูวัดสุทัศน์ โอ้โฮ..แกะสลักลายแบบว่าแทบจะหลุดจะบินออกมาจากข้างในได้เลย
พอมาถึง รัชกาลที่ ๓ พวกฝรั่งต่างชาติเข้ามาเยอะ พระองค์ท่านมองการณ์ไกล ค้าขายกับต่างประเทศถึงขนาดมีกองเรือพาณิชย์ของตนเอง ค้าขายกับจีนหาเงินเข้าท้องพระคลังเอาไว้ เตรียมให้เมื่อรัชกาลที่ ๔ ขึ้นครองราชย์ จะได้มีเงินส่วนนี้เอาไว้กอบกู้ประเทศชาติ เวลาที่ฝรั่งยุโรปมาเบียดเบียน
พอ รัชกาลที่ ๔ ขึ้นมา พวกฝรั่งเยอะแล้วนี่ แล้วรัชกาลที่ ๔ เก่งภาษาอังกฤษมาก เก่งอย่างชนิดที่ฝรั่งเขาทึ่ง เขาบอกว่านึกไม่ถึงว่าคนที่อยู่ไกลขนาดนี้จะใช้ภาษาได้ดีอย่างนี้ แล้วก็ยังมีการเอาพวกฝรั่งมารับราชการ ทำการสำรวจ ทำแผนที่บอกเขตประเทศให้ชัดเจน
บังเอิญว่ายังทำไม่สำเร็จ พอมา รัชกาลที่ ๕ พวกบรรดาอังกฤษ ฝรั่งเศสก็แย่งกันครอบครองดินแดน เราก็มีพระมหากษัตริย์ที่เปรื่องปราชญ์ปรีชาสามารถ สามารถตัดสินใจยอมเสียสละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนมากได้ มีการเลิกทาส มีการนำความเจริญสมัยใหม่มา ไม่ว่าจะเป็นโทรเลข โทรศัพท์ ไฟฟ้า รถไฟ ฯลฯ
มาถึง รัชกาลที่ ๖ สมัยนี้แผ่นดินจนหน่อย เพราะว่ารัชกาลที่ ๕ ทุ่มเทเพื่อแผ่นดินมาก รัชกาลที่ ๖ ก็จะมีการดุลข้าราชการ คือว่าปรับสมดุล สมัยนี้ก็เหมือนกับการให้ออกก่อนเกษียณอายุ เพื่อให้ส่วนที่เหลืออยู่สามารถทำงานได้ พระองค์ท่านถือว่าเป็นนักปราชญ์เอก แต่งหนังสือหนังหาเอาไว้เยอะมาก
พอมาถึง รัชกาลที่ ๗ เป็นยุคสมัยของประชาธิปไตย โดยพระองค์ท่านเองตั้งใจจะให้ประชาธิปไตยมานานแล้ว กำลังรอระยะเวลาที่เหมาะสม แต่คณะราษฏร์ใจร้อนไปหน่อย รีบพลิกฟ้าแปลงดินไปเลย พระองค์ท่านก็ไม่ได้หวงพระราชอำนาจ วินิจฉัยได้ถูกต้องด้วยซ้ำไปว่า ทรงมอบพระราชอำนาจให้ประชาชนทั้งประเทศ ไม่ได้ให้แก่หมู่คณะใดขณะหนึ่ง
มาถึงรัชกาลที่ ๘ ช่วงสงครามโลกพอดี เราก็มีพระราชาที่เรียกว่าเป็นหนุ่มน้อยน่ารัก ใครเห็นก็รัก ใครเห็นก็ชม พระองค์ท่านสามารถวางพระองค์ได้ถูกต้องกับเหตุการณ์ได้ทุกอย่าง จนคนเขาทึ่งว่า ครองราชย์ตั้งแต่ยังเด็ก ๆ ทำไมถึงทำได้ดีขนาดนี้ อันนี้ต้องยกคุณความดีทั้งหมดให้กับสมเด็จย่า เพราะสมเด็จย่าอบรมมาดี
พอมาถึงรัชกาลที่ ๙ พระชนมายุของพระองค์ท่านยืนยาวมาก ต้องทำงานเหมือนกับสองรัชกาลเลย พี่สวรรคตตั้งแต่อายุยังน้อยอยู่ น้องขึ้นครองราชย์เท่ากับว่าทำงานของพี่ด้วย ยาวมาถึงปัจจุบันนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ เหมือนกับว่าเป็นไปตามวาระตามเวลา ถึงกรรมจะมีแต่บุญก็แรงอยู่ เราจึงมีพระมหากษัตริย์ที่เหมาะสมกับยุคสมัยตลอดมา เพราะฉะนั้น..รัชกาลที่ ๑๐ ก็ต้องเหมาะสมเช่นกัน
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-04-2016 เมื่อ 17:20
|