"พอหลวงพี่อาจินต์พูดถึงเรื่องนี้ ก็นึกถึงตัวเองทันทีเลยว่าเหมือนกับตัวเองเลย ตอนนั้นปี ๒๕๓๐ ในหลวงเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา แต่ละจังหวัดก็จะมีโครงการต่าง ๆ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
หลวงพ่อท่านก็นำวัดท่าซุงเข้าโครงการหลายอย่าง อย่างเช่นว่าโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา มหาวิหารแก้วร้อยเมตร มณฑปสมเด็จองค์ปฐม ทางจังหวัดก็รีบรับเข้าโครงการด้วยความยินดี ราคาตั้งร้อยล้าน พันล้าน..ใช่ไหม ?
ตอนนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี มาถึงประมาณ ๘ โมงนิดหน่อยเท่านั้น มาเร็วมากเลย แต่ว่าหลวงพ่อท่านขึ้นกุฏิไปแล้ว ช่วงเช้าหลวงพ่อท่านมาประมาณ ๗ โมงครึ่ง พอรับท่านขึ้นกุฏิ ท่านบอกว่า "เล็ก..วันนี้ใครมาหาพ่อก็บอกว่าให้รอตอนบ่ายนะ เพราะว่าจะให้น้ำเกลือ" อาตมาก็ "ครับ ๆ" แล้วส่งท่านเข้ากุฏิ
วันนั้นผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ บรรดาหัวหน้าส่วนราชการมากันเยอะมาก มาถึงก็ขออนุญาตเข้าพบหลวงพ่อ อาตมาเรียนท่านว่า "ไม่ได้หรอกครับ หลวงพ่อให้น้ำเกลืออยู่" ด้วยความที่ท่านผู้ว่าฯ กระตือรือร้นกับงานหรือไม่รู้จักกาลเทศะก็ไม่รู้ ท่านบอกว่า "ให้น้ำเกลืออยู่ก็พูดได้ไม่ใช่หรือ ?"
โอ้โห..ตอนนั้นบอกได้ว่า โกรธไฟแลบเลย แต่ด้วยความที่ไม่ได้โกรธคนมาหลายปีก็เลยตีหน้าไม่ถูก ลืมไปแล้วว่าต้องทำหน้าอย่างไร รู้อยู่อย่างเดียวว่าโกรธเขาฉิบหายเลย..! จึงหันหลังเดินหนีไปเฉย ๆ ปล่อยให้ท่านผู้ว่าฯ และคณะยืนเซ่ออยู่พักใหญ่ พอเขาเห็นว่าไม่ไปรายงานให้จริง ๆ ก็เลยกลับ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-06-2011 เมื่อ 08:38
|