เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๒
ทุกคนนั่งตัวตรงหลับตาเบา ๆ วางร่างกายสบาย ๆ อย่าให้เกร็ง หายใจเข้าออกยาว ๆ สักสองสามครั้ง เป็นการระบายลมหายใจหยาบออกเสียก่อน หลังจากนั้นก็ให้กำหนดความรู้สึกทั้งหมดตามลมหายใจเข้าไปพร้อมกับคำภาวนา จะกำหนดภาพพระไปพร้อมกันเลยก็ได้ หายใจออก...ภาพพระพร้อมกับความรู้สึกและคำภาวนาไหลออกมา หายใจเข้า...ภาพพระความรู้สึกทั้งหมดพร้อมกับคำภาวนาไหลเข้าไป กำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างนี้เพื่อที่สภาพจิตของเราจะได้มี "กำลังใจมั่นคงทรงตัว" สามารถที่จะมีกำลังในการรบรากับกิเลสได้
เมื่อครู่นี้ได้เล่าถึงชีวิตทหารบางช่วงให้ฟัง จริง ๆ แล้ว พวกเราก็จัดว่าเป็นทหาร เพียงแต่ว่าทหารที่เล่าให้ฟังนั้น เป็นทหารของอาณาจักรคือทางโลก ของพวกเราเป็นทหารทางพุทธจักร ก็คือ ทหารของพระพุทธเจ้า ท่านเรียกว่า ธรรมเสนา คือ ทหารในกองทัพธรรม หน้าที่ของเราก็คือต่อสู้กับกิเลสที่มันจะเข้ามายึดจิตยึดใจของเรา ในเมื่อเราเป็นทหารมันจะเหยาะแหยะ จะอ่อนแอไม่ได้ โดยเฉพาะจอมทัพของเราคือพระพุทธเจ้า แม่ทัพแห่งกองทัพธรรมอย่างเช่น พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร
เราเมื่อเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพธรรม ทุกอย่างที่เราปฏิบัติต้องจริงจัง แน่วแน่ไม่แปรผัน ทุ่มเทให้กับมัน แลกกันด้วยชีวิต สิ่งสุดท้ายที่เราสู้กับกิเลสได้ดีที่สุด เรียกว่า บารมี คือกำลังใจ ชีวิตทหารทางโลก ถ้าขาดบารมีก็ไม่สามารถต่อสู้ฟันฝ่าจนเรียนจบได้ชีวิตของทหารในกองทัพธรรมถ้าปราศจากบารมี ก็ไม่สามารถต่อสู้เอาชนะกิเลสได้ บารมีทั้งหมดมีสิบอย่างด้วยกัน สมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงยังอยู่ ท่านให้พระทุกรูปเขียนบารมี ๑๐ ติดหัวเตียงไว้ ตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ต้องได้เห็น เข้าห้องเมื่อไหร่ต้องได้เห็น จะได้ทบทวนว่าบารมีของเรายังมีข้อไหนบกพร่องอยู่ จะได้เร่งรัดมันให้มากขึ้น ข้อไหนดีอยู่แล้วก็ให้ประคับประคองรักษามันต่อไป
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-12-2009 เมื่อ 12:42
|